“เจอเนสส์ โกลบอล” ประกาศยอดขายทั่วโลกปีนี้ทะลุกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไทยคว้าแชมป์ยอดขายอันดับ 1 เอเชียแปซิฟิค โค่นมาเลเซีย

วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

“เจอเนสส์ โกลบอล”  ประกาศยอดขายทั่วโลกปีนี้ทะลุกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไทยคว้าแชมป์ยอดขายอันดับ 1 เอเชียแปซิฟิค โค่นมาเลเซีย


เจอเนสส์ โกลบอล”  ขายตรงสัญชาติอเมริกา ประกาศความสำเร็จยอดขายปี 2017 นี้ ทะลุกว่า 1 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ  รั้งอันดับ 14 ในทำเนียบบริษัทขายตรงโลก  ส่วนเจอเนสส์ฯ ไทยผลงานท็อปฟอร์มคว้ารางวัลยอดขายสูงสุดอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค โค่นมาเลเซียแชมป์เก่าขาดลอย  ด้วยยอดขายโตบวก 10% ทุกปี  มั่นใจธุรกิจเจอเนสส์ในไทยไปได้ด้วย ตั้งเป็นฮับขยายรุกเวียตนาม กัมพูชา เตรียมส่งผลิตภัณฑ์ใหม่เสริมทัพปีหน้า ลุยทำตลาดเอเชียแปซิฟิคเต็มสูบ

นาย  คริส คูเปอร์  ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิค, แอฟริกาและตะวันออกกลาง บริษัท เจอเนสส์โกลบอล จำกัด   กล่าวว่า  บริษัทของเราเป็นเครือข่ายขายตรงสัญชาติอเมริกา หนึ่งในผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อการชะลอวัยที่ มีสำนักงานในกว่า 145 ประเทศทั่วโลก เป็นบริษัทที่สามารถทำรายได้แตะระดับพันล้านเหรียญสหรัฐได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่มีอายุได้เพียง 5 ปีและมีอัตราการเติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ทำการก่อตั้งบริษัทเมื่อปี 2009 ล่าสุด รั้งอันดับ 14 ในทำเนียบบริษัทขายตรงโลก หรือ DSN Global 100 ด้วยตัวเลขผลประกอบการรวมทั่วโลกปี 2016 ที่ทะลุกว่า1.4 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ และมียอดรายได้สะสมตลอด 8 ปีสะพัดแล้วกว่า 4,000 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ และจากการคำนวณด้านยอดขายประจำปี 2017 ทะลุ 1 พันล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐเรียบร้อยแล้ว

อีกทั้ง  ยังมียอดรวมของผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในทุกภูมิภาค อาทิ ยุโรปอเมริกาใต้อเมริกาและเอเชีย ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาสามารถทำยอดขายรวมทั่วโลกได้มากกว่า 1 พันล้านเหรียยดอลล่าร์สหรัฐต่อปี โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคที่มียอดขายเติบโตมากเป็นอันดับ 1 ของทั่วโลก  โดยในปี 2016 มีรายได้ 1,800 ล้านบาท ซึ่งเจอเนสส์ (ประเทศไทย) สามารถคว้ารางวัลประเทศที่มียอดขายสูงสุดอันดับ 1 ของภูมิภาค เอเซียแปซิฟิคมาครองได้เป็นปีแรกตามด้วยมาเลเซียและออสเตรเลียตามลำดับ อันเป็นผลมาจากการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ NV™ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งสามารถทำยอดขายให้กับประเทศไทยได้มากกว่าประเทศอื่นๆ  ซึ่งถ้าหากดูมูลค่าการตลาดของผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเครื่องสำอางสีสัน ประเทศไทยและ เกาหลีใต้มีมูลค่าการตลาดที่ใกล้เคียงกัน คาดว่า NV Be the the Envy ซึ่งเป็นรองพื้นแบบแอร์สเปรย์ จะเป็นไลน์ผลิตภัณฑ์ที่จะช่วยเข้าไปขยายตลาดได้ดี ขณะที่ฟิลิปปินส์ สามารถคว้าตำแหน่ง Rising Star หรือประเทศที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด ประจำปี 2016  ไปครองได้สำเร็จ

ขณะเดียวกัน เจอเนสส์ โกลบอล มีสมาชิกราว 50,000 รหัส เข้าร่วมงานประชุมใหญ่ระดับนานาชาติครั้งที่ 8ประจำปี2017หรือ Jeunesse Expo Elevate World Tour 2017 ในรูปแบบWorld Tour ที่หมุนเวียนต่อเนื่องไปยัง 5 ประเทศใน 5 ภูมิภาคทั่วโลก โดยประเทศไทยได้รับเกียรติเป็นเจ้าภาพจัดงานสำหรับภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมียอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 ราย ภายใต้แนวคิด “ยกระดับ”หรือ “Elevate” เพื่อสื่อถึงการยกระดับเครือข่ายธุรกิจและแสดงวิสัยทัศน์ของปี 2018 พร้อมชูกลยุทธ์เด่นด้วยลูกเล่นฟีเจอร์ใหม่ใน J Mobile™ แอปพลิเคชั่นหลักของสมาชิกเจอเนสส์ทั่วโลกให้สอดรับกับการใช้สื่อโซเชียลผ่านโลกออนไลน์

 “ปีนี้เจอเนสส์จัด Jeunesse Expo ใน 5 ภูมิภาคทั่วโลก คือ มาเก๊า สาธารณรัฐประชาชนจีน, กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย, มิลานประเทศอิตาลี, เซาเปาโลประเทศบราซิลและปิดท้ายที่สำนักงานใหญ่ ณ ออร์ลันโดประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาสให้สมาชิกในทุกมุมโลกสามารถเข้าร่วมได้มากยิ่งขึ้น โดยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคมีประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้ชื่องาน Jeunesse Expo World Tour -2017Bangkok ใช้งบประมาณในการจัดงานราว 112 ล้านบาท ซึ่งจัดงานออกมาได้ยอดเยี่ยมและสร้างความประทับใจให้กับผู้ร่วมงานกว่า 8,700 คนเป็นอย่างมากทำให้ประเทศไทยได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการจัดงาน Jeunesse Expo ในปี2018เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน”

คริส คูเปอร์  กล่าวต่อว่า สำหรับเจอเนสส์ ประเทศไทย ถือว่าเป็นประเทศที่น่าลงทุนในอุตสาหกรรมขายตรงเป็นอย่างมาก เราจึงได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่แห่งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2011 ถือเป็นตลาดแรก ๆ ที่เราเข้าไปลงทุนนอกอเมริกาปัจจุบันเจอเนสส์ประเทศไทยมีสำนักงานทั้งหมด 2แห่ง และยังคงทำผลงานด้านยอดขายและเติบโตขึ้นทุกปีโดยตอนนี้มียอดขายบวก 10% จากปีก่อนหน้า รวมถึงการรับหน้าที่ดูแลอีก 2 ประเทศคือ กัมพูชาและเวียดนาม โดยเดือนหน้าจะจัดงาน Jeunesse Discovery ในกรุงพนมเปญเป็นครั้งแรก   สำหรับในไตรมาสที่ผ่านมาเจอเนสส์ทำการเปิดตัวชุดผลิตภัณฑ์แต่งหน้า NV “Be The Envy” ซึ่งมาในรูปแบบแอร์สเปรย์เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนในยุคปัจจุบันที่ต้องการความรวดเร็ว และอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่เพิ่งทำการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานเอ็กซ์โปที่ผ่านมาคือ Luminesce HydraShield Mask นวัตกรรมเพื่อความอ่อนเยาว์ชิ้นล่าสุดในกลุ่มลูมิเนสส์แผ่นมาส์คผลิตจาก BioCellulose สกัดจากน้ำมะพร้าว

ด้าน  นาย เดนนิส วินด์เซอร์ ประธานเจ้าหน้าที่การพัฒนา บริษัท เจอเนสส์โกลบอล จำกัด   กล่าวเสริมว่า สำหรับแนวทางและแผนกลยุทธ์ทางการตลาดในประเทศไทย ประจำปี 2018 นั้นหน้านอกเหนือจากการพัฒนาด้านการตลาดในทุกประเทศทั่วโลก เจอเนสส์จะเน้นการพัฒนาตัวบุคคลากรให้มากขึ้นด้วย โดยจัดกิจกรรมเพื่อฝึกฝนพื้นฐานการขายสินค้าและสร้างผู้นำที่แข็งแกร่งให้แต่ละประเทศ เน้นการพัฒนานักธุรกิจและทำการปรับเปลี่ยนรูปแบการจัดงานเพื่อให้ความรู้กับนักธุรกิจมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนชื่อจากงานเชิดชูเกียรติหรือ The Star มาเป็น Jeunesse University โดยมีแกนสำคัญคือการสร้างเครือข่ายการสร้างแรงบันดาลใจและการมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อส่งเสริมให้นักธุรกิจเจอเนสส์ประสบความสำเร็จในเป้าหมายของตัวเองจะจัดงานครั้งแรกในช่วงเดือนพฤษภาคมปีหน้า และเบื้องต้นจะมี 25 ประเทศทั่วโลกที่ใช้แพลตฟอร์มนี้”

ส่วนเจอเนสส์ ประเทศไทยจะทำการรุกตลาดในเวียดนามและกัมพูชาอย่างจริงจัง ขณะที่ด้านผลิตภัณฑ์ยังคงได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง โดยวางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มาเสริมทัพอีกหลายตัวและมีนโยบายที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิตสินค้าให้มากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากสินค้าเดิมที่ไทยผลิตมาก่อนหน้านี้ ได้แก่ J-Coffee, Vidacell, BBB และ A4 ซึ่งเราพยายามจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในทุกไตรมาส เริ่มตั้งแต่ไตรมาสแรกของปี 2018 เป็นต้นไปและคาดว่าในปีหน้าจะเป็นปีทองของธุรกิจขายตรง ซึ่งเจอเนสส์ประเทศไทยจะเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งมียอดรวมสมาชิกมากกว่า 400,000 รหัสอย่างแน่นอน ”

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ