สำหรับคนที่ชื่นชอบการทำบุญทำกุศลและปฏิบัติธรรมอาจจะคงรู้จักกันดีสำหรับสถานที่ “ศูนย์วิปัสสนานิมิตใหม่สังเวชนียสถาน” คลองสามวา ด้วยความที่บริเวณภายในวัดมีที่ดินเหลืออยู่จำนวนหนึ่ง “พระอาจารย์ มนตรา จิต.ตภาโล(จุดข้างล่าง ต.) เจ้าอาวาส” ได้เล็งเห็นว่าจากปัญหาเศรษฐกิจไม่ค่อยดีส่งผลให้ลูกศิษย์ที่ช่วยดูแลวัดก็ไม่มีงานทำ ไม่มีรายได้ จะมานั่งรอแต่การช่วยเหลือจากภาครัฐฯ หรือจากญาติโยมเพียงอย่างเดียวก็คงจะไม่ได้ ดังนั้น ท่านจึงตัดสินใจนำพื้นที่ดินบางส่วนภายในวัดไปทำสวนเพาะปลูกอินทผาลัมเพื่อเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการนำรายได้เข้ามาดูแลศูนย์แห่งนี้
โดยทางทีมงานสยามธุรกิจได้เดินทางไปกราบมหัสการและพูดคุยกับท่านเจ้าอาวาส พระอาจารย์ มนตรา จิต.ตภาโล(จุดข้างล่าง ต.) และ พระมหาดุนรัตน์ คม.ภีรธม.โม(จุดข้างล่าง ม.) ถึง ศูนย์วิปัสสนานิมิตใหม่สังเวชนียสถาน คลองสามวา ซึ่งท่านทั้ง 2 ได้เล่าให้ฟังว่า การปลูกอินทผาลัม จะไม่ค่อยแน่นอน ปีนี้หวาน บางทีปีหน้าฝาด หรือปีนี้ดกดี ปีหน้าไม่ติดลูกเลยก้ได้ อาจจะไม่สม่ำเสมอ แล้วแต่การดูแล แต่อยากสนับสนุนให้ปลูก ถ้าใครมีน้อยก็ให้ปลูกน้อย แต่ถ้าใครมีกำลังปลูก ถือเป็นธุรกิจที่ดีเลยทีเดียว เพราะอย่างน้อยกิโลหนึ่งตกกิโลละ 300 บาท ถ้าจะให้ถึง700-800 บาท จะยากมาก ได้กิโลละ300 บาท ก็ดีที่สุดแล้ว
“อินทผาลัม เป็นผลไม้ไม่ต้องเร่งรีบขาย ไม่เน่าเสียง่าย ประชาชนชาวบ้านส่วนใหญ่จะไม่มีโอกาสได้กิน เพราะถ้าเราเดินไปบอกว่ากิโลละ 700 บาท บางทีคนไม่กล้าซื้อ ถ้าคนไม่รู้จักอินทผาลัมจริง ไม่มีทางซื้อ เหมือนพวกแตง เมล่อน ถ้าคนไม่รู้จักแตง เมล่อนจริง คนก็ไม่กล้าซื้อ เพราะว่าแพง แต่จริงๆ แล้ว อินทผาลัมมีอะไรดีอยู่ในนั้นอยู่แล้ว ในความงามรสชาติความเอร็ดอร่อยมันก็อยู่ในนั้น ถ้าลองศึกษาดูจะรู้เลยว่าสรรพคุณนั้น ดีจริงๆ ในเรื่องการช่วยในเรื่องสุขภาพที่มีการวิจัยอออกมาแล้วอินทผาลัมเป็นผลไม้ที่ไม่มีคอเลสเตอรอลและไขมันต่ำ นอกจากนี้เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งช่วยในการลดอาการท้องผูก และอุดมไปด้วย เบต้าแคโรทีน ลูติน และซีแซนทิน ซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันมะเร็งในช่องท้อง ช่วยบำรุงร่างกาย แก้โรควิงเวียนศีรษะ แก้กระหาย ช่วยลดเสมหะภายในลำคอ เป็นต้น”
โดย อินทผาลัมนั้นเป็นผลไม้ที่มีหลากหลายพันธุ์เช่นเดียวกับผลไม้ชนิดอื่น ๆ โดยแต่ละสายพันธุ์ก็มีเกรด ราคา รวมทั้งรสชาติแตกต่างกันด้วย ซึ่งพันธุ์ที่ทางเรานำมาปลูกที่สวนภายในวันบริเวณวัดนี้ คือ พันธุ์ Barhee หรือ Barhi (บาร์ฮี หรือ "บัรฮี) เป็นพันธุ์ที่เหมาะสำหรับการทานผลสดโดยเฉพาะ มีแหล่งกำเนิดในประเทศอิรัก ปัจจุบันมีการปลูกกันแพร่หลายในหลายประเทศ และ สายพันธุ์ Deglet Nour (เดกเล็ท นัวร์) เป็นพันธุ์ทานผลแห้ง มีแหล่งกำเนิดจากประเทศแอลจีเรียและประเทศตูนีเซีย ในวงการอินทผาลัมถือว่าเป็น "ราชินีแห่งอินทผาลัม" เป็นพันธุ์ที่นิยมส่งออกไปขายต่างประเทศทั่วโลกมากที่สุด รสชาติไม่หวานมาก หวานปนมัน ไม่แข็งกระด้าง เหนียวไม่มาก เนื้อนุุ่ม ซึ่งในประเทศไทยเราก็นำมาปลูกได้ โดยเฉพาะในทางภาคกลาง เหนือ อีสาน ตะวันออก ตะวันตก สามารถปลูกได้เป็นอย่างดี ยกเว้นทางภาคใต้เพราะมีอากาศที่ร้อนชื้น จึงไม่เหมาะในการเพาะปลูก
สำหรับทั้งสายพันธ์ทั้ง 2 สายพันธ์นี้ เราถือเป็นสถานที่แห่งแรกทีได้นำเข้าแคปซูลเนื้อเยื่อ จากประเทศตะวันออกกลางที่เป็นแหล่งกำเนิด เพาะเลี้ยงเนื้อเยื้อพิเศษกว่าการเพาะในเมล็ด ในการปลูกในแคปซูลจะเป็นตัวเมียทั้งหมด จึงมีข้อดีคือไม่ต้องมาลุ้นเพศในการปลูก เรานำเข้ามาปลูกเยอะประมาณ 1000 ต้น ได้ในการปลูกประดับและปลูกเป็นผลผลิตด้วย ราคาต่อ 1 แคปซูล ประมาณ 1200-1800 บาท
ทั้งนี้ หลังจากที่เราได้ลองผิดลองถูกมา2-3 ปีในการใช้ปุ๋ยในการเพาะปลูกมา เราจึงได้เข้าร่วมกับโครงการสยามธุรกิจ ประมาณ 1 ปี ปรากฏพบว่าส่งผลให้ผลผลิตที่ได้จากการปลูกอินทผาลัมนั้นได้ผลผลิตที่ดีเกือบ 100 % ซึ่งตอนนี้เราสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้วทั้งหมดที่ปลูกไว้ 1000 กว่าต้น และสามารถสร้างรายได้ให้กับวัดและชาวบ้านบริเวณนี้พอสมควร สำหรับพี่น้องชาวเกษตรกรที่สนใจอยากได้สายพันธ์อินทผาลัมจากไปปลูกสามารถติดต่อได้ที่ “ศูนย์วิปัสสนานิมิตใหม่สังเวชนียสถาน” คลองสามวา ได้ที่เบอร์ 087 934 9163
