ต้องกราบขออภัยมาด้วยหัวใจจริงๆ ด้วยจะทิ้งทวนช่วงพระปิดตาเป็นพระหายากล้ำแล้วทำด้วยทอง แต่ต้องมาเปลี่ยนม้ากลางศึกเพราะภาพไม่คมลึกพอเลยเปลี่ยนเป็นเหรียญพระปิดตาสุดหายากแทนที่...ปกติเราเคยเห็นแต่เหรียญหลวงพ่อแก้ว วัดพวงมาลัย ในอีกรูปหนึ่งซึ่งคุ้นกัน วันนี้ลองชมสักนิดกับพระปิดตาทองคำทำจากบล็อกวังเหมือนดังเหรียญของท่าน ประมาณว่าน่าจะสร้างไว้ใกล้เคียงคือปี พ.ศ.2460 อีกเหรียญไม่คุ้นเห็นเป็นเหรียญ ปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า เก่าทันยุคพ่อปู่ศุขแน่ และทำจากทองคำ จึงนำมาแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวจริงๆ เพื่อจะได้ทอดยอดต่อพระกริ่งอย่างที่เกริ่น บังเอิญเคยติดค้างกับพระปิดตาปู่ทับ วัดอนงค์ (เนื้อผงคลุกรัก) เชิญประจักษ์พินิจดูว่าปู่ทับนั้นท่านคงสัญลักษณ์เหมือนเนื้อเมฆพัด-เมฆสิทธิ์ ไม่ว่าการปิดตาหรือท่วงท่าทางพุทธศิลป์ ไม่ทราบว่าผมจินตนาการ หรือเปล่า เคยเอาเนื้อเมฆพัด (ปิดตา) มาส่องเห็นโทนสีเหมือนของปีกสีแมลงทับพร้อมๆ กับนำเมฆสิทธิ์ ปิดตามาเพ่งนักเลง (สมัครเล่น) อย่างผมดันเห็นว่าเนื้อพระปิดตาเมฆสิทธิ์นี้ โทนสีใกล้กับไข่แมลงทับมาก ทั้งพุทธลักษณ์ก็ด้วยละม้ายคล้ายกับไข่แมลงทับยิ่ง......มาเดินเครื่องเรื่องพระกริ่งดีกว่าและขอค้างช่วงพระปิดตาไว้แต่เพียงนี้เมื่อมีจังหวะจะขอแก้ตัวครับ
ผมเคยขยับว่าพระกริ่งที่มีหมุนเวียนถือครองเป็นของเมืองนอกแทบทั้งสิ้น เช่น จากจีน จากธิเบต จากประเทศเขมรเก่า (ขอม) ครั้งถูกหลอมเบ้ามาทางมหายาน ถ้าวิจารณญาณไม่พลาด พระกริ่งนอกอาจแบ่งเป็น 3 ประเภท 3 ประเทศแล้ว เราเอาแนวทางการสร้าง การวางรูปลักษณ์ของเขาเป็นหลัก ทั้งศิลป์และศาสตร์ คือ
1.กริ่งขนาดใหญ่ ได้แก่ กริ่งจีน วัดสุทัศน์ โดยพ่อปู่แพ ท่านใช้เป็นต้นแบบแต่ต้นหลายผลงานสร้าง
2.กริ่งทิเบตขนาดกลาง (กริ่งอุบาเก็ง) นักเลงสายตรงคงเห็นได้ว่ากริ่งอุบาเก็งนี้มีหลายวัด ทำกันชัดๆ ตรงๆ เช่น กริ่งของวัดประสาทและกริ่งหลายรุ่นใน เจ้าคุณศรีสนธิ์ ศิษย์เอกพ่อปู่แพ...และ
3.กริ่งขนาดเล็ก ปทุมสุริยะวงศ์ กริ่งนี้เป็นสายตรงจากเขมร ของจริงหาเห็น ได้ยากมาก ยากยิ่งกว่าทุกกริ่งรวมกัน เข้าใจว่า กริ่งสำคัญสุดยอด ได้ถอดเค้าเอามา คือ กริ่งพระปวเรศ
จะสังเกตไม่รู้เลย สำหรับผู้มิเคยจับต้องของจริง (กริ่งปทุมฯ) ปูมนี้ผมคุยขรมได้เต็มที่ เพราะมีโอกาสได้จับต้อง
แล้วส่องพินิจแน่วแน่ มิใช่แค่องค์เดียวแต่เป็นสององค์ (ของแท้) แม้ของจริง กริ่งปทุมฯ ยังมิมีใครเปิดมุมกว้างขวางออกมาพูดกันเต็มสูตรหรือเต็มสูบ ทั้งรูปถ่ายก็คล้ายจะเป็นได้แต่เพียงชื่อว่าทำมาจากวัดบวรนิเวศฯ สมัยใดก็ไม่อ้าง
อย่างที่บอกโต้งๆ กริ่งปทุมสิริยวงศ์ (ของจริง) ไม่ใช่กริ่งหรือเหรียญ ซึ่งสร้างเลียนแบบกันเกร่อเจอง่ายแม้แต่แผงแบกะดิน หน้าวัดมหาธาตุ ขนาด กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ท่านเสด็จมายังต้นธาร นครวัด เพื่อเสาะสืบหาคืบรอยกริ่งพระปทุมฯ ทั้งยังทรงลุยพนมเปญ เพื่อค้นคว้าหากริ่งเขมรตำรับนี้จริงจังยังได้เพียงใกล้เคียงเอง กริ่งบาเก็งหรืออุบาเก็งได้ส่งถ่ายศิลปะ มายังกริ่งปทุมสุริยวงศ์ โดยองค์กรม พระยาปวเรศ ได้เทถ่ายลงยังองค์กริ่งพระปวเรศอีกที
เรื่องนี้สงสัยคุยกันสั้นๆ ไม่ได้แล้วหละครับ ต้องเขยิบขยับเพื่อจะเขยื้อนขยาย ต่อภายหลัง แต่จะยังมิทิ้งกริ่งจีน (นอก) ออก เพราะผมจะขอย้ำบอกว่า กริ่งจีนแผ่น ดินใหญ่ สมัย ราชวงศ์ถังนั้นอลังการเป็นที่สุดของที่สุดได้ทั้งพุทธศิลป์และพุทธคุณ และจะยิ่งสมบูรณ์แบบมาก หากเป็นองค์ทองคำ (ทำโดยองค์สังฆราชจีน) เห็นศิลปะคล้ายลายมังกรซ้อนแทรกใต้ฐานหรือด้านหลัง
ยุคราชวงศ์ถัง มิใช่ราชวงศ์หมิง!