“ไทยสเตมไลฟ์” ธนาคารสเต็มเซลล์แห่งแรกในไทย ร่วมกับ “ด็อกเตอร์ซีเคร็ต บาย ด็อกเตอร์ธนพล” ชวนคนไทยจัดเก็บเพื่อการฟื้นฟูความเสื่อม หลังงานวิจัยจากวงการแพทย์ทั่วโลกพบ สามารถนำไปใช้รักษาโรคได้เกือบ 100 โรค รวมทั้งมะเร็งเม็ดเลือดขาวธาลัสซีเมีย ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคเข่าเสื่อม เบาหวาน ฯลฯ
นายแพทย์ธนพล ทองประเสริฐ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ในการใช้ และบุกเบิกสเต็มเซลล์เพื่อสุขภาพ และความงามในเมืองไทย มากว่า 6 ปี กล่าวว่า ด็อกเตอร์ซีเคร็ต บาย ด็อก เตอร์ธนพล ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับไทยสเตมไลฟ์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในการจัดเก็บและนำไปใช้ได้ จริงเกี่ยวกับสเต็มเซลล์จากเลือดในสายสะดือ และด็อกเตอร์ซีเคร็ต บายด็อกเตอร์ธนพล ก็มีความ ชำนาญในการจัดเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากแหล่งอื่นที่ไม่ใช่เลือดจากสายสะดือ ความร่วมมือครั้งนี้จะทำให้ทั้งสองฝ่ายสามารถ พัฒนาและต่อยอด การเพาะเลี้ยงและจัดเก็บสเต็มเซลล์สำหรับ แต่ละครอบครัว ได้อย่างครบถ้วน และสามารถนำไปใช้เมื่อยามจำเป็นได้ทุกเมื่อ
ด้วยคุณสมบัติพิเศษของสเต็มเซลล์ ทำให้สเต็มเซลล์ได้รับความสนใจอย่างมากไปทั่วโลกสำหรับ บุคลากรในวงการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ โดยปัจจุบันการเก็บสเต็มเซลล์สามารถกระทำได้โดยแบ่ง ออกเป็น สเต็มเซลล์ที่มาจากเลือด และสเต็มเซลล์ที่ไม่ได้มาจากเลือด ทั้งนี้ปัจจุบันสเต็มเซลล์ได้รับการยอมรับว่าสามารถใช้ในการฟื้นฟูและรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับเลือดได้ มากกว่า 85 โรค แบ่งออกเป็น โรคทางพันธุกรรมและโรคร้ายแรง เช่น โรคมะเร็ง มะเร็งเม็ดเลือด ขาว ฯลฯ โรคระบบเลือดทางพันธุกรรมผิดปกติ เช่น ธาลัสซีเมีย โรคระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง ฯลฯ โรคทางพันธุกรรมในเมตาบอลิซึม โรคภูมิคุ้มกันไวเกิน เช่น โรคพุ่มพวง ฯลฯ สาเหตุดังกล่าวทำให้ การจัดเก็บเสต็มเซลล์เริ่มเป็นที่รู้จักและนิยมมากขึ้น
นายแพทย์ธนพล กล่าวว่าจากการบุกเบิกสเต็มเซลล์เพื่อสุขภาพ และความงามในเมืองไทย มากว่า 6 ปี และพัฒนาวิธีการเพาะเลี้ยง และจัดเก็บสเต็มเซลล์จาก เนื้อเยื่อต่างๆ ที่เรียกว่า มีเซนไคมอล สเต็มเซลล์ ได้ทุกช่วงอายุของคน ตั้งแต่จาก รก สายสะดือ ฟัน น้ำนม ไขมัน เซลล์รากผมและล่าสุดสามารถเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์จากน้ำคร่ำ Amniotic Fluid Stem Cell ได้แล้วโดยพบว่า สเต็มเซลล์จากน้ำคร่ำเมื่อเทียบกับแหล่งอื่นๆ ถือว่ามีความอ่อนเยาว์มากที่สุด เป็นรองแต่เพียงสเต็ม เซลล์จากเอมบริโอเท่านั้น ซึ่งตามปกติเราก็จะไม่ใช้สเต็มเซลล์จากเอมบริโอกันเนื่องจากผิดทั้งหลักศีล ธรรมและกฎหมาย
เมื่อคนเราอายุเพิ่มมากขึ้น ร่างกายย่อมมีความเสื่อมลงเป็นธรรมดาในศาสตร์ของการชะลอความชรา (Anti Aging ) และการฟื้นฟูความเสื่อมที่เกิดขึ้นแล้วให้ดีขึ้น (Regenerative Medicine) ล้วนให้ ความสำคัญกับการศึกษาเรื่องของสเต็มเซลล์ เพราะพบว่า สเต็มเซลล์จากแหล่งที่มาที่แตกต่างกัน ก็จะ มีประสิทธิภาพแตกต่างกันด้วย และสามารถนำไปใช้ประสานกันได้กับการแพทย์ด้านอื่นที่เรามีความ รู้ความก้าวหน้าสูงมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องหลอดเลือดสมองตีบหรือแตกก็ตาม
แต่สิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญมากอย่างหนึ่งคือ ถ้าเราจะนำสเต็มเซลล์ของเรามาใช้ประโยชน์กับตัวเอง ให้ได้สูงสุด ต้องจัดเก็บสเต็มเซลล์จากแต่ละเนื้อเยื่อของตัวเองไว้ในช่วงที่ตัวเองยังอายุน้อย หรือยัง สุขภาพดีมากที่สุด เมื่อมีปัญหาความเสื่อมเกิดขึ้นแล้ว การจะนำสเต็มเซลล์ของตัวเองมาใช้ก็อาจจะ ทำได้ยากหรือคุณภาพไม่ดีเท่า
“กว่า 6 ปีที่ผ่านมา ที่คิดค้น และศึกษาวิจัยการนำสเต็มเซลล์จากแหล่งเนื้อเยื่อต่างๆ ทั้งจาก สาย สะดือ รก ไขมัน มาพัฒนาเทคนิคการเลี้ยงสเต็มเซลล์แบบใช้ได้จริง จนสามารถสกัดสเต็มเซลล์จาก น้ำคร่ำมาเพาะเลี้ยงและเพิ่มจำนวน นอกร่างกายได้ ทำให้ได้สเต็มเซลล์ที่มีความบริสุทธิ์ ปลอดภัย และได้ผลลัพธ์สูงสุดมาเพื่อสามารถใช้ในด้านสุขภาพและความงามจนประสบความสำเร็จเป็นที่ ยอมรับ ในกลุ่มดารา คนดัง เซเลบริตี้ระดับประเทศทั้งหลายมาตลอด”
สำหรับประเทศไทยเริ่มมีบริการจัดเก็บสเต็มเซลล์เมื่อ 14 ปีก่อน โดยบริษัท ไทยสเตมไลฟ์ จำกัด เป็นเอกชนรายแรกที่เปิดให้บริการธนาคารสเต็มเซลล์ ด้วยนวัตกรรมที่ได้รับการยอมรับและเป็น มาตรฐานสากล จนปัจจุบันมีครอบครัวมากกว่า 12,000 ครอบครัวที่ใช้บริการจัดเก็บสเต็มเซลล์
ด้าน ดร.นพ. คอนสแตนตินอส ไอ. ปาปาโดพูลอส ผู้จัดการใหญ่ และหัวหน้าฝ่ายการแพทย์ บริษัท ไทยสเตมไลฟ์ จำกัด กล่าวว่า บริษัท ไทยสเตมไลฟ์ เป็นผู้ให้บริการธนาคารสเต็มเซลล์ แห่งแรกใน ประเทศไทย ในห้องปลอดเชื้อ Clean Room (Class 100) ซึ่งเทียบเท่ากับมาตรฐานห้องผ่าตัดหัวใจ ของโรงพยาบาลชั้นนำ จึงไม่มีการปนเปื้อนเชื้อในชั้นบรรยากาศ ด้วยถังเก็บสเต็มเซลล์ที่อุณหภูมิ -196 C โดยใช้ไอไนโตรเจนเหลว ที่สามารถป้องกันการแพร่กระจายการปนเปื้อนของเชื้อได้ ไม่เกิด ผลกระทบเมื่อเกิดการขาดแคลนกระแสไฟฟ้า พร้อมนวัตกรรมระบบ Sepax มาใช้ในการคัดแยกส เต็มเซลล์ แบบอัตโนมัติ ที่ทันสมัยที่สุดระบบหนึ่งของโลก และกระบวนการการคัดแยกสเต็มเซลล์เป็น ระบบ Close System จึงทำให้เลือดที่เก็บจากรกและสายสะดือ จะไม่มีทางสัมผัสกับบรรยากาศ ภายนอก จึงไม่ติดเชื้อ
“ผลงานที่ไทยสเตมไลฟ์ภาคภูมิใจคือ งานวิจัยที่ได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมแห่งชาติประจำปี 2549 คือ การรักษาแผลเบาหวาน โดยการใช้สเต็มเซลล์ของตนเอง ซึ่งพบว่า ผู้ป่วยที่นำสเต็มเซลล์ของ ตนเองมาใช้ในการรักษาแผลเบาหวานหายสูงถึง 86% และหลีกเลี่ยงการตัดอวัยวะที่เกิดจากแผลเบา หวานได้สูงถึง 95% โดยปัจจุบัน ไทยสเตมไลฟ์ มีครอบครัวมาใช้บริการเก็บสเต็มเซลล์กว่า 12,000 ครอบครัว ซึ่งมีลูกค้าเบิกสเต็มเซลล์ไปใช้จริงมากกว่า 50 ราย เพื่อนำไปใช้ในการรักษาโรคต่างๆ อาทิ การรักษาแผลเบาหวาน โรคระบบประสาทส่วนกลางเสียหาย โรคหัวใจ โรคข้อเข่าเสื่อม โรค สมองพิการตั้งแต่กำเนิด ฯลฯ”
วันนี้ด้วยวิวัฒนาการของเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์ ทำให้สเต็มเซลล์ กลายเป็นหนึ่งใน ตัวเลือกที่สำคัญในการฟื้นฟูและรักษาโรคต่างๆ การเก็บรักษาสเต็มเซลล์ผ่านธนาคารสเต็มเซลล์ที่ มั่นคง น่าเชื่อถือ จึงเป็นอีกทางเลือก เพื่อ Quality of Life ของคุณและคนที่คุณรักในอนาคต ...
