โรคภัยไข้เจ็บถือเป็นของฟรีที่ไม่มีใครอยากได้ บางโรคมาเร็วไปเร็ว บางโรคเรื้อรังอยู่นาน ซึ่งแม้ไม่รุนแรงแต่อาจรบกวนชีวิตประจำวัน แต่หากปล่อยไว้นานอาจลุกลามใหญ่โตได้ในที่สุด เช่น “โรคปวดหลัง” โรคที่ฟังดูธรรมดาแต่ก็เป็นกันมาก เกิดได้กับคนทุกเพศทุกวัย
นพ.ภัทร โฆสานันท์ ศัลยแพทย์กระดูกและข้อ เฉพาะทางด้านโรคกระดูกสันหลัง โรงพยาบาลเวชธานี ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคนี้ว่า “โรคปวดหลังเกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งจากการอักเสบของกล้ามเนื้อ หรือจากกระดูกข้อต่อของสันหลังเสื่อม ถ้าสาเหตุเกิดจากกล้ามเนื้ออักเสบ สามารถรักษาให้หายได้ด้วยการรับประทานยา และทำกายภาพบำบัด สักพักอาการจะดีขึ้นจนหายเป็นปกติ แต่ถ้าสาเหตุมาจากกระดูกสันหลังเสื่อม ก็อาจจะต้องรักษาด้วยการผ่าตัด ซึ่งโรคปวดหลังนี้ เป็นได้กับคนทุกเพศทุกวัย ถ้าเกิดกับคนวัยหนุ่มสาว ส่วนใหญ่สาเหตุจะมาจากการอักเสบของกล้ามเนื้อเป็นหลัก เช่น นั่งนานเกินไป นั่งผิดท่า ไม่เปลี่ยนอิริยาบถ นั่งท่าเดิมซ้ำๆนานๆ ยกของหนักเกินไป หักโหมเล่นกีฬาจนกล้ามเนื้ออักเสบ แต่หากปล่อยไว้จนเรื้อรัง ก็สามารถลุกลามไปสู่โรคหมอนรองกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกสันหลังแตกหรือปลิ้นได้ หากไม่รักษาจะทำให้ชา สูญเสียความรู้สึก อ่อนแรง จนยกแขนขา ไม่ขึ้น กระดกเท้าไม่ได้เช่น คนวัยหนุ่มสาว เล่นกีฬาผาดโผนแรงๆ เข้าฟิตเนส ออกกำลังกายผิดวิธี ยกเวทโดยไม่มีเทรนเนอร์คอยแนะนำ ก็อาจเป็นโรคนี้ได้ หรือผู้ที่ยกของหนักเกินกำลังบ่อยๆ คนนั่งทำงานนานๆ 2-3 ชั่วโมงโดยไม่ลุกเปลี่ยนท่า หรือรถติดนั่งขับนานๆ เกิน 2 ชั่วโมง ก็สามารถเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน
นอกจากนี้ ปัจจัยในเรื่องของอายุ ก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุโรคปวดหลัง แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด กล่าวคือในผู้สูงวัยนั้น ตามธรรมชาติแล้วร่างกายก็ย่อมถดถอยเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ มวลกระดูกเสื่อม ทำงานได้ไม่เต็มร้อยเช่นวัยหนุ่มสาวแต่ถ้าเป็นผู้สูงวัยที่ดูแลตัวเองดีต่อเนื่อง ร่างกายก็จะแข็งแรงอาการปวดหลังก็อาจจะไม่เกิดขึ้น แต่ในทางตรงกันข้ามคนหนุ่มสาวที่ทำงานหนัก ใช้ร่างกายอย่างหนักหน่วง มีวิถีชีวิตที่นั่งนานๆ ในการทำงาน ดูแลตัวเองไม่ดี ก็จะเกิดอาการปวดหลังได้เช่นกัน ในที่สุดถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา ก็จะมีปัญหาต่อเนื่องไปยังโรคที่เกี่ยวเนื่องกับกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกเสื่อมได้ในอนาคตเช่นกัน โดยในช่วงแรก ร่างกายอาจมีกลไกป้องกันอยู่บ้าง แต่หากอากัปกิริยา ท่านั่งท่านอนไม่เปลี่ยน หรือยังคงใช้แรงมาก เช่น ยก ดึง เกินกำลัง เหล่านี้เป็นตัวทำให้ร่างกายกล้ามเนื้อบาดเจ็บได้ในที่สุด แต่การผ่าตัดมักจะเป็นทางเลือกสุดท้ายที่แพทย์แนะนำ โดยเริ่มต้นรักษาจากการรับประทานยา การทำกายภาพ รวมถึงปรับพฤติกรรมการนั่ง นอน ให้ถูกต้อง ไม่ผิดท่าผิดทางเสียก่อน เพราะกระดูกสันหลังก็เหมือนโช้คอัพของรถ เมื่อโหลดเกินไปก็รับไม่ไหว โหลดเกินไปก็แตก ปลิ้น เสื่อมสภาพ จึงมาสู่การผ่าตัด เป็นลำดับขั้นของการรักษา
คุณหมอแนะนำว่า คนทำงานที่ต้องนั่งนานๆ ควรลุกมาเปลี่ยนอิริยาบถทุกๆ45-50 นาที เช่น เดินยืดเส้นยืดสาย แล้วค่อยกลับไปนั่งทำงานต่อ เพื่อช่วยลดการเกร็งเครียดของกล้ามเนื้อ ให้กล้ามเนื้อได้ระบายความเครียดในตัวออกไปบ้าง หากจำเป็นต้องนั่งนานเกิน 1 ชั่วโมงขึ้น ไปควรเลือกเก้าอี้ที่มีคุณภาพ หาหมอนมาหนุนหลังให้หลังตรงเต็มพื้นที่เก้าอี้ ไม่งอหรือแอ่นหลังมากเกินไป เพื่อช่วยลดภาระของกระดูกสันหลัง นอกจากควรปรับเปลี่ยนชีวิตประจำวันเพื่อลดต้นเหตุของปัญหา ไม่ยกของหนัก ไม่ก้มผิดท่า รวมถึงพยายามรักษาน้ำหนักอย่าให้อ้วนเกินไป เพราะความอ้วนถือเป็นส่วนหนึ่งของอาการปวดหลัง เนื่องจากร่างกายต้องแบกรับน้ำหนัก ทำให้กระดูกเสื่อมไวกว่าคนน้ำหนักปกติ อีกสาเหตุคือการสูบบุหรี่จะทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมลง รวมทั้งสตรีในวัยหมดประจำเดือน กระดูกก็จะทรุด เปราะ แตก หัก เสื่อมได้เร็วเช่นกัน
ดังนั้น ควรรักษาสุขภาพควรเฝ้าสังเกตตัวเองว่า เวลาปวดหลังนั้นเป็นแค่การปวดหลังธรรมดา เป็นไม่กี่วันทายาแก้ปวดแล้วหาย หรือปวดหลังจากกิจกรรมบางอย่างเช่น ออกกำลังมากเกินไป ออกกำลังผิดท่า ยกของหนัก แล้วจึงปวดหลัง แต่เพียง 4-5 วันก็หายถือว่าไม่เป็นไร แต่ถ้าไม่ได้ไปทำกิจกรรมที่ผิดปกติใดๆ มา แต่อยู่ดีๆ ก็ปวดหลัง ทายานวดแล้ว กินยาคลายกล้ามเนื้อแล้วไม่หาย ปวดเรื้อรังมาเป็นแรมเดือนไม่หาย ควรมาพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของโรคเพื่อรักษาให้ตรงจุด ก่อนที่จะสายเกินไป