ปลดล็อค โรค "นิ้วล็อค” ภัยเงียบยุคสังคมออนไลน์

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561

ปลดล็อค โรค


การใช้งานนิ้วมือหนักเกินไป ใช้งานนิ้วมือด้วยท่วงท่าเดิมซ้ำ ๆ หรือใช้นิ้วเกี่ยวของหนัก ๆ มักเป็นสาเหตุของการเกิดโรคนิ้วล็อค และด้วยยุคสังคมออนไลน์ ทำให้คนทั่วไปติดการเล่นสมาร์ทโฟน และแท็บเล็ตเป็นเวลานานๆ ซึ่งถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้พบคนเป็นโรคนิ้วล็อคเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันนี้ 

โรคนิ้วล็อค” เกิดจากปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณฐานของนิ้วมืออักเสบและหนาตัวขึ้น ซึ่งเมื่ออักเสบจะทำให้เส้นเอ็นเคลื่อนผ่านปลอกหุ้มเส้นเอ็นที่หนาขึ้นด้วยความยากลำบาก จึงมีอาการปวด และขยับนิ้วมือได้ยากขึ้น

โดย นพ.เติมพงศ์ พ่อค้า แพทย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ เฉพาะทางด้านมือ ข้อศอก และจุลศัลยศาสตร์ กล่าวว่า   ผู้ป่วยโรคนิ้วล็อคมักมีอาการเจ็บที่ฝ่ามือบริเวณใต้ข้อต่อโคนนิ้วมือ หากเป็นมากขึ้นอาจมีอาการสะดุดเวลากำหรือเหยียดนิ้วมือได้ โดยอาการของโรคมักพบมากหลังจากตื่นนอนตอนเช้าหรือตอนที่ใช้งานมือหนักๆต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ความรุนแรงของโรคนิ้วล็อคแบ่งเป็น 4 ระดับ ดังนี้ 1. มีอาการเจ็บบริเวณโคนนิ้วมือ 2. มีอาการสะดุดเวลากำหรือเหยียดนิ้วมือ แต่ยังสามารถเหยียดนิ้วได้เอง 3. กำมือแล้วเกิดอาการล็อคไม่สามารถเหยียดนิ้วได้เองต้องใช้มือมาช่วยง้างออก และ 4. ไม่สามารถกำมือได้สุดและอาจมีข้อนิ้วมืองอผิดรูปร่วมด้วย

สำหรับแนวทางในการรักษาโรคนิ้วล็อค แบ่งเป็น 3 ขั้นตอน โดยมีรายละเอียดของวิธีรักษา ดังนี้ 1. หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่างๆ และนำมือแช่น้ำอุ่นตอนเช้าหลังตื่นนอนประมาณ 5 นาที ร่วมกับรับประทานยาลดปวดและอักเสบตามอาการ 2. ฉีดยาลดการอักเสบเฉพาะที่ตรงตำแหน่งปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณฐานของนิ้วมือ (A1-Pulley) ซึ่งยาที่ใช้นั้นเป็นยาในกลุ่มสเตียรอดย์ ต้องใช้ด้วยความระมัดระวังภายใต้ความดูแลของแพทย์ เนื่องจากผลข้างเคียงร้ายแรงที่สุดที่พบได้ คือ เส้นเอ็นเปื่อยและอาจจะขาดเองได้ และ 3. การผ่าตัดเข้าไปตัดปลอกหุ้มเส้นเอ็นบริเวณฐานของนิ้วมือ (A1-Pulley) ร่วมกับเลาะเนื้อเยื่ออักเสบที่หุ้มเส้นเอ็นออก วิธีนี้เป็นวิธีสุดท้ายที่ใช้ในการรักษา จะช่วยลดอาการปวดและทำให้เส้นเอ็นขยับได้คล่องขึ้น ไม่มีอาการสะดุดเวลาใช้งาน โดยการผ่าตัดจะฉีดยาชาเฉพาะที่คล้ายกับการถอนฟัน ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเพื่อดูอาการหลังจากผ่าตัด เมื่อผ่าตัดเสร็จแล้วนิ้วมือสามารถขยับได้เลยตั้งแต่หลังผ่าตัดเสร็จ

ทั้งนี้ วิธีและแนวทางการรักษาที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและดุลยพินิจของแพทย์ อย่างไรก็ตามควรปรับพฤติกรรมการใช้งานนิ้วมือให้เหมาะสม ทั้งหลีกเลี่ยงการใช้นิ้วเกี่ยวของหนักๆ หรือลดระยะเวลาการเล่นสมาร์ทโฟนลงก่อนเกิดอาการนิ้วล็อคหรือก่อนที่อาการของโรคจะดำเนินไปมากขึ้นกว่าเดิม




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ