“มือเท้าชา” เรื่องธรรมดา ที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ

วันศุกร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2561

“มือเท้าชา” เรื่องธรรมดา ที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ


อาการเหน็บชา หรือ ชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้า เป็นอาการที่พบมากในกลุ่มวัยทำงาน เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น อยู่ในท่าเดิมเป็นเวลานาน กิจกรรมที่ต้องใช้มือมากทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่ทั่วถึง หรือร่างกายมีระดับธาตุและวิตามินผิดปกติ แต่หากเกิดขึ้นบ่อยๆ และทวีความรุนแรงมากขึ้น อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคที่เกี่ยวกับปลายประสาทอักเสบ ฉะนั้นแล้วเราจึงไม่ควรนิ่งนอนใจหากมีอาการมือเท้าชาบ่อยครั้ง

นพ.นริศ สมิตาสิน อายุรแพทย์โรคสมองและระบบประสาท โรงพยาบาลเวชธานี ระบุว่า ปลายประสาทอักเสบ เป็น กลุ่มอาการของเส้นประสาท ซึ่งทำหน้าที่รับคำสั่งจากสมองและไขสันหลัง ไปยังอวัยวะต่างๆ หากเส้นประสาทจุดใดจุดหนึ่งมีปัญหา อาจส่งผลให้อวัยวะส่วนนั้นทำงานผิดปกติ และเกิดอาการชาตามปลายมือปลายเท้า ไม่สามารถรับรู้ได้ถึงอาการเจ็บปวด แสบร้อน สั่นสะเทือน หรือไม่สามารถควบคุมกล้ามเนื้อส่วนนั้นได้

สำหรับความสำคัญของ “เส้นประสาท”  นั้นทำหน้าที่รับและส่งข้อมูลเข้าออกจากสมองไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย หากเส้นประสาททำงานผิดปกติจะส่งให้อวัยวะส่วนนั้นๆ ทำงานผิดปกติไปด้วย โดยเส้นประสาทแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้ 1.เส้นประสาทในสมอง ควบคุมจากสมองโดยตรง ไม่ผ่านไขกระดูกสันหลัง ควบคุมการทำงานของประสาทสัมผัสต่างๆ เช่น การมองเห็น การได้กลิ่น การลิ้มรส การทรงตัว การกลืนอาหาร การขยับกล้ามเนื้อบนใบหน้า การออกเสียง และควบคุมกล้ามเนื้อบริเวณหัวไหล่ คอ ลิ้น และ 2.เส้นประสาททั่วไป กระจายอยู่ทั่วร่างกาย เป็นเส้นประสาทที่ต่อมาจากไขกระดูกสันหลัง ดูแลกล้ามเนื้อของอวัยวะต่างๆ

ทั้งนี้  ปัจจัยเสี่ยงโรคปลายประสาทอักเสบ ประกอบด้วย เส้นประสาท ปลอกหุ้มเส้นประสาทอักเสบ จากภาวะภูมิคุ้ม กันทำงานผิดปกติ, มีความผิดปกติแต่กำเนิด หรือ พันธุกรรมจากครอบครัวที่เคยเป็นโรคเกี่ยวข้องกับเส้นประสาททำงานผิดปกติ, มีประวัติการติดเชื้อจากโรคใดโรคหนึ่ง, ระดับน้ำตาลในเลือดสูง เสี่ยงต่อโรคเส้นประสาทที่เกิดจากโรคเบาหวาน, ทำงานโดยใช้ข้อมือมากๆ อาจเสี่ยงเป็นโรคเส้นประสาทบริเวณข้อมือถูกกดทับ และ เป็นโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคไต ภาวะขาดวิตามินอย่างรุนแรง เช่น วิตามินบี 12 หรือภาวะโปรตีนในเลือดสูงผิดปกติ

สำหรับอาการชาตามปลายนิ้วมือนิ้วเท้าลามถึงสะโพก เป็นอีกหนึ่งอาการชาที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ เพราะหากปล่อยไว้นาน ๆ อาจเป็นโรคอัมพฤกษ์-อัมพาตได้ ซึ่งสาเหตุอาจเกิดจากกระดูกสันหลังหักกดทับเส้นประสาท  หากมีอาการชาที่บริเวณปลายมือปลายเท้าตั้งแต่ 2-3 วันขึ้นไป และไม่มีทีท่าว่าอาการจะดีขึ้น ให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น ออกกำลังกาย เปลี่ยนอิริยาบถระหว่างวันให้บ่อยขึ้น รวมถึงเปลี่ยนที่นอน เปลี่ยนหมอน หากอาการมือเท้าชายังไม่ดีขึ้นภายในระยะเวลาราว 1 สัปดาห์ ควบรีบพบแพทย์ก่อนอาการลุกลามมากขึ้น




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ