หลังจากที่ได้ท่องเที่ยวภายในตัวเมือง จังหวัดเชียงใหม่ไปในฉบับ 1,393 ที่ผ่านมา ต่อเนื่องในฉบับนี้ผู้เขียนจึงอยากจะเขียนถึงอีกสถานที่หนึ่งซึ่งมีโอกาสได้ไปเยือนเป็นครั้งที่ 2 หลังจากหลายปีที่ผ่านมาเคยแวะเวียนไปแล้ว นั่นก็คือสวนพฤกษศาสตร์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ หรือ ที่บางคนรู้จักในชื่อ สวนพฤกษศาสตร์แม่ริม แต่ครั้งนี้พิเศษกว่าเดิม เนื่องจากได้รับเกียรติ จาก ดร.ประมุข เพ็ญสุต รอง-ผอ.องค์การสวนพฤกษศาสตร์ เป็นไกด์กิตติมศักดิ์พานำชมสถานที่ด้วยตัวเอง
แน่นอนด้วยขนาดเนื้อที่ ของสวนพฤกษศาสตร์ แม่ริมแห่งนี้มีมากถึงขนาด 3,500 ไร่ เราจึงเลือกชมไฮไลต์ที่สำคัญอย่างสวน 77 พรรษา แหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้หายากของประเทศ รวมถึงเป็นสถานที่ชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง
ที่สวน 77 พรรษาแห่งนี้เองที่เราได้พบเจอกับต้นแบลคบอย ต้นไม้หายากอายุ นับพันปี ที่ปีหนึ่งจะมีความสูงของลำต้นเพิ่มขึ้นแค่ 2 ซม. และต้นสาวสันกำแพง ดอกงามสีแดงชมพู รวมถึงระฆังทอง พันธุ์ไม้หายากอีกชนิดหนึ่ง
ถัดจากสวน 77 พรรษา ดร.ประมุข แนะนำให้เราเข้าชมเรือนกระจกซึ่งเป็นที่รวบรวมพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้น อย่างย่านดาโอ๊ะ หรือใบไม้สีทอง ต้นไม้ ประจำจังหวัดนราธิวาส ปาล์ม เจ้าเมืองตรัง และต้นทำมัง ต้นไม้กลิ่นแมงดา ที่ใช้ตำน้ำพริกแมงดา แทนแมงดาตัวเป็นๆ ตัวเรือนกระจกนี้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ในการควบคุมระดับความชื้นสัมพัทธ์ โดยการฉีดละอองน้ำในเรือนกระจก รวมทั้งมีน้ำตก จำลองด้วย จัดแต่งสภาพเหมือนกับเข้าไปอยู่ในป่าจริงๆ
ก่อนจะเข้าสู่เรือนกระจกอีกที่หนึ่งซึ่งรวบรวมพืชทนแล้งไว้ เราเกิดสะดุดติดใจกับชื่อ เก้าอี้แม่ยายŽ ต้นกระบองเพชร รูปทรงอวบอ้วนเหมือน เก้าอี้ ที่ฝรั่งมีอารมณ์ขันตั้งชื่อ
ออกจากเรือนพืชทนแล้งเราก็เจอกับเรือนกล้วยไม้ไทย ซึ่งในเรือนนี้ได้รวบรวมพันธุ์กล้วยไม้กว่า 350 ชนิด เป็นกล้วยไม้ป่าที่มีสีสันสวยงาม หลายชนิดมีกลิ่นหอม ส่วนใหญ่จะทยอยออกดอกตลอดปี โดยรวบรวมมาจากป่าดงดิบ ป่าเต็งรัง ซึ่งบางพันธุ์ หาดูได้ยากและบางชนิดใกล้สูญพันธุ์
น่าเสียดายที่ความน่าสนใจของที่นี่ยังมีอีกมากมาย ทั้งเส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ และน้ำตกแม่สาน้อย ที่ให้ความชุ่มชื่นชวนให้น่าเล่น และพืชพันธุ์ต้นไม้ที่รวบรวมมานั้นให้ความรู้แก่เยาวชน หรือผู้ที่สนใจ ส่วน เราด้วยเวลาไม่เอื้ออำนวย จึงจำต้องจากลาพร้อมกับจดบึกทึกความทรงจำเอาไว้ อยากกลับมาเยือนที่นี่อีกครั้ง