ทัศนียภาพอันงดงามเหนือคำบรรยาย พร้อมด้วยสภาพอากาศที่อบอุ่นไปจนถึงหนาวเย็นตลอดทั้งปี เป็นหลากเหตุผลที่คนไทยยังคงหลงรักและยกให้สวิตเซอร์แลนด์เป็นดินแดนในฝัน
แต่เหตุผลเหล่านั้นก็ไม่ได้บ่งบอกว่า เมืองในฝันแห่งนี้จะมีแค่ความสวยงามทาง กายภาพ หากมองลึกไปถึงจิตวิญญาณของผู้คน ยังมีความงดงามตามวิถี เกิดเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมารุ่นสู่รุ่น เป็นสิ่งหนึ่งที่สร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางมาแล้วนักต่อนัก
รายงานล่าสุด การท่องเที่ยวสู่สวิตเซอร์แลนด์จากประเทศไทยเฟื่องฟูขึ้นมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนในช่วงปี พ.ศ.2554-2555 ได้เพิ่มขึ้น 8.4% นับเป็นครั้งแรกที่อัตราเข้าพักค้างคืนทะลุหนึ่งแสนคนต่อปี ซึ่งมากขึ้นถึงสองเท่า เมื่อเทียบกับ 10 ปีที่แล้ว
ไม่เพียงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น วิธีการท่องเที่ยวในสวิตเซอร์แลนด์ก็ปรับเปลี่ยนไป โดยพบว่า นักท่องเที่ยวอิสระที่เดินทางด้วยตนเองมีจำนวนมากขึ้น รวมทั้งการจัดหาประสบการณ์ใหม่พิเศษสำหรับกรุ๊ปอินเซ็นทีฟ ทำให้บริษัททัวร์ปรับปรุง รายการท่องเที่ยวให้ดีมากขึ้น อีกทั้งข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ มานำเสนอลูกค้า
ไม่นานมานี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์จึงจัดงาน Switzerland Travel Experience ขึ้นเพื่อเป็นเวทีแลกเปลี่ยนและเติมเต็มความรู้ระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้บริหารธุรกิจท่องเที่ยวของไทยและพันธมิตรการท่องเที่ยวของสวิสที่มาเยือนกว่า 20 ราย โดยได้แนะนำสถานที่ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนักแก่นักท่องเที่ยวไทย เช่น แหล่งมรดกโลกในสวิตเซอร์แลนด์ รวมถึงเมืองท่องเที่ยวยอด อมตะอย่างเมืองอินเตอร์ลาเกน และลูเซิร์น
ขนบธรรมเนียมและประเพณีคือสิ่งที่ได้รับการอนุรักษ์และอุ้มชูในวิถีชีวิตท้องถิ่น ทั้งในยุคก่อนและปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญของการท่องเที่ยวแห่งประเทศสวิตเซอร์แลนด์ได้คัดสรรสิบอันดับประเพณีดั้งเดิม และเป็นที่น่าตื่นเต้นของชาวสวิส ซึ่งสมาชิกเฟซบุ๊กของ Facebook.com/MySwitzerland ได้ลงคะแนน ถึงสิ่งที่ถูกใจได้ผลออกมาดังนี้
หากมาเมืองไทยแล้วต้องไปดูการปลูกข้าว ไปสวิตเซอร์แลนด์ก็ต้องไปดูการ ทำเนยแข็ง เราทราบกันดีว่าชีสหรือเนยแข็ง เป็นสินค้าขึ้นชื่อเพราะ 70% ของประเทศเป็นเขตภูเขา ทุกหนแห่งจึงมีการเลี้ยงวัวนมกันอย่างแพร่หลาย นับรวมประชากรวัวมีอยู่กว่า 7 แสนตัว ขณะที่ประชากรชาวสวิสมีอยู่ 7 ล้านกว่าคน สวิตเซอร์แลนด์มีการทำเนยแข็งให้เห็นอยู่หลายพื้นที่แต่ละที่ก็มีชนิดและชื่อของเนยแข็งที่แตกต่าง แต่การเข้าชมการทำเนยแข็งในเทือกเขาแอลป์ที่ Chalet Lioson d{apos}Enbas ติด 1 ใน 10 ประเพณีที่ติดอันดับในครั้งนี้
เมื่อมาเยือนท้องทุ่งในเมืองไทย ก็คงได้สัมผัสน้องควายผู้แข็งขัน ส่วนการไปยืนอยู่กลางท้องทุ่งบนหุบเขาในสวิส "น้องวัว" ก็เป็นสิ่งที่เราจะได้เจอโดยทั่วไป และประเพณีหนึ่งที่ได้รับความสนใจคือการชมแต่งองค์ทรงเครื่องอย่างสวยงามให้กับน้องวัวที่ Charmey รวมทั้งการไต่ทุ่งหญ้าที่สูงชันตามเชิงเขา เพื่อนำหญ้าอุดมด้วยสารอาหารไปทำฟางที่ Rophaien ก็เป็นกิจกรรมที่ได้รับโหวตในครั้งนี้
ดนตรีพื้นบ้าน เป็นอีกศิลปวัฒนธรรมที่โดดเด่นตามแต่ละท้องถิ่นของเมืองไทย ที่สวิสก็เช่นกัน และจากการสำรวจครั้งนี้ ดนตรีพื้นบ้านหรือปาร์ตี้ร้องรำทำเพลงที่เรียกว่า "Stubete" สไตล์ชาวแอพเพนเซลล์ที่ Bollenwees mountain inn เป็นที่ชื่นชอบของนักเดินทาง รวมทั้งการได้ลองเป่าแตรสวิส (alphorn) ที่ Nendaz ก็ติดอันดับเช่นกัน
ที่สวิสมีร้องโยเดลลิ่ง Yodelling หรือการร้องเพลงโดยไม่มีคำร้อง เรียกง่ายๆ ว่า ร้องแบบโห่ ซึ่งถือเป็นความสามารถพิเศษที่น่าตื่นตาตื่นใจ จนสร้างความประทับใจจากนักท่องเที่ยว ใครสนใจก็เข้าชมพรสวรรค์ทางเสียงที่เพิ่งค้นพบได้ที่เทศกาล Toggenburg "Sound World" นอกจากนั้นยังมีประเพณีท้องถิ่น "Betruf" ฟังการสวดผ่านอุปกรณ์คล้ายเครื่องเป่าทรงกรวย ขนาด ใหญ่ ที่กึกก้องไปทั่วทิวเขายามพระอาทิตย์ตกดินที่ Musenalp
ทางภาคเหนือของไทยมีประเพณีชาวเขาที่เรียกว่า "โยนลูกช่วง" ซึ่งจะเล่นกันตอนปีใหม่ เป็นการละเล่นสนุกสนานและเปิดโอกาสให้ชายหญิงได้ทำความรู้จักกันอย่างเปิดเผย ที่สวิสก็มีการโยนธง แต่เป็นการโยนธงให้สูงด้วยทักษะของมือที่ชำนาญ หนึ่งในกีฬาเก่าแก่ที่ Brunnen ที่นักท่องเที่ยว โปรดปราน
ส่วนกีฬาดั้งเดิมอีกอย่างที่น่าสนใจของ สวิสก็คือ "Hornussen" ที่ Hergiswil โดย ผู้เล่นจะตีลูกให้ไกลที่สุด ขณะที่ทีมตรงข้ามกันลูกด้วยอุปกรณ์ขวางไว้ไม่ให้ลูกไปไกล
ส่งท้าย 1 ใน 10 ประเพณียอดนิยมของสวิส เรียกได้ว่าไม่แพ้บ้านเรา เพราะมาเมืองไทยใครๆ ก็อยากดู "มวยไทย" กีฬาขวัญใจ ของคนทั่วโลก แต่ไปสวิสทุกคนต่างติดใจ "Schwingen" กิจกรรมลุ้นไปกับมวยปล้ำแบบสวิส ที่ Kemmeriboden Schwinget
และนี่คือ "สวิส" เมืองในฝันโลกจินตนาการที่ซ่อนความงามตามวิถี ที่ที่คุณและใครก็อยากไปสัมผัส