เจอเจ้าของร้านอาหารมาก็มากมาย แต่ละคนก็มีแนวทางการเปิดร้านอาหารของตนเองแตกต่างกันไป บางคนชอบทำอาหาร บางคน รัก บางคนเปิดเพราะอยากให้เพื่อน ฝูงมาใช้บริการ แต่วันนี้ที่เราได้เจอแปลกกว่าใครคนอื่นๆ เพราะลงทุนลงแรงขนาดโค่นสวนยาง เส้นเลือด หลักของครอบครัว แล้วลงมือสร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร พร้อมเปิดร้านอาหารรับลูกค้าไปในตัว บนพื้นที่เชิงเขาเหมน หรือเขาพระสุเมรุ ในอ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช
ชื่อของเขาก็คือ เรวัต ปรีชาวัน หรือ พี่ก้อง ชายวัยกลางคนอารมณ์ดี เจ้าของร้านอาหาร เขาเหมน รีสอร์ท ที่ให้ การต้อนรับเราอย่างดี ในครั้งที่เจอะเจอกัน
"เมื่อก่อนเราเปิดร้านอาหารขายอาหารป่า ก็รับซื้อมาจากชาวบ้านในชุมชน ใครยิงอะไรมาได้เรารับซื้อหมด จนวันหนึ่งเรามาคิดว่าทำอย่างนี้มันถูกแล้วหรือ เราทำร้านอาหารเพื่อรายได้เลี้ยงครอบครัว แต่เราจะต้องฆ่าอีกกี่ชีวิต หล่ะถึงจะพอเลี้ยงชีวิตของเราพอ พอเรา คิดได้ก็เลิกเลย เลิกรับซื้อสัตว์ป่า เมื่อไม่มีที่ขายชาวบ้านเขาก็เลิกฆ่ากันไปเอง เราก็คิดว่าอาหารที่เราขายในวันนี้นั้นมาจากป่าเช่นกัน พืชผักสวนครัวริมเขา เหมนแต่ไม่ใช่ชีวิตสัตว์ มันทำให้เราอยู่ได้ แม้รายได้จะไม่มากมาย แต่ก็พออยู่พอกิน"
ดังนั้น เมนูแนะนำของที่นี่จึงแน่ใจได้เลยว่าเน้นสุขภาพและปลอดสารพิษแน่นอน อย่างแกงคั่วไก่บ้าน หมูวุ้นเส้นกรอบ ปลาทับทิมสมุนไพร ผัดผักรวม ที่รวมเอาผักพื้นบ้าน อย่างผักเหรียง ผักหวาน และผักกูด มาผัดน้ำมันหอยที่ไม่น่าเชื่อว่าจะอร่อยและเข้ากันได้ หรืออย่างน้ำพริกกะปิ อาหารบ้านๆ ที่กินคู่กับผักเคียง หรือผักเหนาะ ตามประสาคนคอนที่จะต้องมีผักหลากหลายเป็นเครื่องเคียง ตบท้ายด้วยแกงเลียงยอดผักร้อนๆ
กับแนวคิดการอนุรักษ์ของพี่ก้องนี่เอง เราจึงได้เห็น เขาเหมน รีสอร์ท กลายเป็นร้านอาหารบวกสถานที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ปลูกข้าวไร่ พืชผักสวนครัว และเลี้ยงไก่ และมีนกยูงอาศัยอยู่แบบป่าธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมร่วมกับทางจังหวัด ที่ขนเอาคู่รักขึ้นไปแต่งงานกันบนยอดเขาเหมน แบบ "หยิกหมอก หยอกเมฆ"
เสียดายมาไม่ทันงานดังกล่าว และมีเวลาน้อยเกินกว่าจะเดินขึ้นไปชมธรรมชาติและวิวเมืองคอนสวยๆ บนยอดเขาเหมนแบบ "หยิกหมอก หยอกเมฆ" ที่ว่ากัน แต่ด้วยอาจเป็นเพราะคุยกันถูกคอ พี่ก้องจึงอาสาพาไปชมบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์ พระเกจิที่ชาวนครให้ความเคารพกัน ที่บริเวณศาลาพ่อท่านคล้าย ทางขึ้นเขาธง ถัดลงไปจากเขาเหมน กับเสียงแตรรถที่บีบเป็นการเคารพเมื่อขับผ่านศาลา หรือ หลา ก็ยืนยันถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพื้นที่ดังกล่าวได้เป็นอย่างดี
สุดท้ายอยากจะบอกว่า พื้นที่นี้นั้นอากาศเย็นสบายดีมาก จนคนนครเขาอวดว่าที่นี่อากาศดีจนติดอันดับโลกเลยทีเดียว โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่ เสียดายไปนิดช่วงที่เราไปนั้นกลับเป็นตอนเย็น กลิ่นขี้ยางพาราจึงโชยมาให้ให้เสียบรรยากาศ แต่ก็นั่นแหละจะทำ อย่างไรได้ก็เมื่อยางพาราก็คืออาชีพหลักที่เกือบทุกครัวเรือนแถบนี้ใช้เลี้ยง ครอบครัว