3 สมุนไพรไทยไล่เชื้อไวรัส

วันศุกร์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2556

3 สมุนไพรไทยไล่เชื้อไวรัส


บทบาทที่สำคัญของสมุนไพรที่เกี่ยวกับการป้องกันการเกิดโรคและชะลอความเสื่อมของร่างกาย คือ การต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคและความเสื่อมของร่างกาย
อนุมูลอิสระ คือ โมเลกุลที่จู่โจมกับสารชีวโมเลกุลในร่างกาย เช่น ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ทำให้เซลล์ในร่างกายเสื่อมสภาพและอวัยวะที่ประกอบด้วยเซลล์นั้นสูญเสียการทำงานไป ทำลายสมดุลของระบบต่างๆ ในร่างกาย
การย่อยสลายโปรตีนและไขมันจากอาหารที่กินเข้าไป มลพิษทางอากาศ ควันบุหรี่ รังสียูวี ล้วนทำให้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นในร่างกาย นำไปสู่ความชราและการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคไขมันในเลือดสูง ภูมิคุ้มกันผิดปกติ นอกจากนี้ยังนำไปสู่การเกิดเซลล์มะเร็งอีกทางหนึ่งด้วย
ภญ.ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร หัวหน้ากลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลเจ้า พระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า แนวทาง การป้องกันการเกิดโรคเรื้อรัง คือ การเสริม สร้างภูมิคุ้มกัน การชะลอความแก่ของเซลล์ต่างๆ การเพิ่มการไหลเวียนเลือด และป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว รวมทั้งเสริมการทำงานอย่างเป็นระบบของอวัยวะทุกส่วน
สมุนไพรที่มีบทบาทดังกล่าว เช่น ยอ ที่มีฤทธิ์เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน มีสรรพคุณกระตุ้นการทำงานของเซลล์ในระบบภูมิต้านทาน แก้หอบหืดและภูมิแพ้ แก้ปวดเมื่อย ลดการอักเสบ บรรเทาภาวะเลือดลมไม่ปกติของสตรีวัยทอง ช่วยระบายท้องและต้านอาเจียน
มีงานวิจัยพบว่า สารสกัดยอมีผลเพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดความดันโลหิต ลดน้ำตาลในเลือด ลดคอเลสเตอรอล ต้านมะเร็ง ต้านอนุมูลอิสระและมีสารสโคโปเลติน สามารถลดการอักเสบของหลอดอาหารจากภาวะกรดไหลย้อนได้ผลใกล้เคียงกับยาแผนปัจจุบันที่ใช้ในการรักษา
ส่วนประโยชน์ด้านความงาม ยอช่วยในการชะลอการเสื่อมของผิว ลดการเกิดริ้วรอย กระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว โดยสามารถใช้เนื้อของผลยอผสมน้ำผึ้ง พอกหน้าเพื่อประโยชน์ดังกล่าวได้
การรับประทานยอเพื่อเพิ่มภูมิต้านทาน กระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาวให้ต่อต้านเชื้อโรค ต้านอนุมูลอิสระ ให้รับประทานแคปซูลยอ ครั้งละ 2-4 แคปซูล วันละ 3 ครั้งหลังอาหาร หรือรับ-ประทานน้ำลูกยอ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร
อย่างไรก็ตาม ผลยอมีโพแทสเซียม สูงใกล้เคียงกับกล้วยและมะเขือเทศ ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีการทำงานไตบกพร่องจึงควรหลีกเลี่ยง
ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรอีกชนิดที่ได้รับความนิยมในการกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย และได้ถูกบรรจุในบัญชียาหลักแห่งชาติของประเทศไทย ใช้บรรเทาอาการของโรคหวัด เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหลและบรรเทาอาการท้องเสียไม่ติดเชื้อ
จากรายงานการวิจัยพบว่า ฟ้าทะลายโจรช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ทั้งแบบการสร้างแอนตี้บอดี้ เพื่อต่อต้านสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาในร่างกายและการกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวจับกินเชื้อโรคได้ดีขึ้น
ความสามารถของฟ้าทะลายโจร มี 3 ประการคือ ลดไข้ ต้านการอักเสบและลดอาการจากการเป็นหวัด ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสและทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ยากขึ้น กระตุ้นภูมิคุ้มกันทำให้ร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น
อีกทั้งยังมีความปลอดภัยในการ รับประทานในระยะยาวและได้รับการรับรองในการรักษาหวัดจากองค์การอนามัยโลกอีกด้วย
แต่มีข้อห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากพบว่าน้ำต้มฟ้าทะลายโจรมีผลทำให้หนูทดลองแท้งได้ และห้ามใช้ในกรณีติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus group A เพราะเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ไข้รูห์มาติค โรคหัวใจรูห์มาติคและไตอักเสบ
ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคควรรับประทานฟ้าทะลายโจรตามคำแนะนำ คือ ใช้เพื่อบรรเทาอาการท้องเสียชนิดที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ คือ อุจจาระไม่เป็นมูกหรือมีเลือดปน ให้รับประทานครั้งละ 500 มิลลิกรัม ถึง 2 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน
ใช้เพื่อบรรเทาอาการของโรคหวัด เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ให้รับประทานครั้งละ 1.5 - 3 กรัม วันละ 4 ครั้ง หลังอาหารและก่อนนอน
หญ้าปักกิ่ง นอกจากจะเป็นสมุนไพรที่มีแนวโน้มที่จะเป็นประโยชน์ต่อการรักษามะเร็ง และลดผลข้างเคียงจากการใช้เคมีบำบัด หรือรังสีบำบัดในผู้ป่วยมะเร็งแล้ว ยังมีฤทธิ์ในการช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกาย รักษาอาการเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ และกำจัดพิษ
โดยมีงานวิจัย พบว่า น้ำคั้นหญ้าปักกิ่ง มีสารกลุ่มกลัยโคสฟิงโกไลปิดส์ ที่แสดงฤทธิ์ในการต้านมะเร็ง โดยฤทธิ์ที่เกี่ยวข้องมี 2 แบบ คือ สาระสำคัญจากหญ้าปักกิ่งมีผลฆ่าเซลล์มะเร็งได้โดยตรงและฤทธิ์ทางอ้อมที่ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกันโดยการกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาวในร่างกายและมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
ด้วยเหตุนี้จึงมีการใช้เป็นยาร่วมในการรักษาโรคมะเร็ง เพื่อยับยั้งการแพร่กระจายของมะเร็งและการกลับมาเป็นซ้ำ อีกทั้งยังลดผลข้างเคียงจากการฉายรังสีและเคมีบำบัดได้ค่อนข้างชัดเจน เช่น อาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร แผลในปาก ปากแห้ง อ่อนเพลีย ปวดข้อและกล้ามเนื้อ ท้องเสีย ท้องผูก ผมร่วง ซึ่งนับเป็นการเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับผู้ป่วยได้เป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม การใช้หญ้าปักกิ่งในผู้ป่วยมะเร็งควรอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความมีประสิทธิภาพและได้รับความปลอดภัยสูงสุด
การใช้ในผู้ป่วยโรคมะเร็งในตำรายาพื้นบ้าน ให้เตรียมน้ำคั้นหญ้าปักกิ่ง โดยนำใบหรือทั้งต้นสด น้ำหนักประมาณ 100-120 กรัม ล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วโขลกให้แหลก เติมน้ำสุก 4 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันกรองผ่านผ้าขาวบาง น้ำคั้นที่ได้แบ่งครึ่งดื่มก่อนอาหาร เช้า เย็น
นอกจากนี้ ยังมีการเตรียมสำหรับใช้รับประทานวิธีอื่นๆ อีก เช่น การตำคั้น โดยนำหญ้าปักกิ่งล้างสะอาดแล้ว 3 ต้น มาตำให้ละเอียดในครกดินเผาหรือครกไม้ เติมน้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ กรองผ่านผ้าขาวบาง ผู้ใหญ่กินครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ วันละ 2 ครั้ง คือ ก่อนอาหารเช้าครึ่งชั่วโมง และก่อนเข้านอน เด็กกินครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ
การตุ๋น โดยใช้หญ้าปักกิ่งสดทั้งต้นและราก 2 ขีด หรือประมาณ 10 ต้น นำมาล้างให้สะอาด เติมน้ำให้ท่วมยา ตุ๋นให้เปื่อยโดยใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง แล้วนำน้ำยาที่ได้มาดื่มต่างน้ำทุกวันและควรตุ๋นวันต่อวัน
การปั่นดื่ม โดยใช้หญ้าปักกิ่งสดทั้งต้นและราก 6-7 ต้น มาล้างให้สะอาด ใส่น้ำครึ่งแก้ว แล้วปั่นด้วยเครื่องปั่นน้ำผลไม้ กรองกากออก แบ่งดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน
การทำยาลูกกลอน โดยนำหญ้าปักกิ่งสดทั้งต้นและราก มาล้างให้สะอาด ตากแดดให้แห้งสนิท นำหญ้าปักกิ่งแห้งไปบดเป็นผงแล้วนำมาผสมน้ำผึ้ง อัตราส่วน 1:1 ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอน กินครั้งละ 6 เม็ด วันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า และก่อนนอน



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ