ทะเลตรังในฝั่งทะเลอันดามันนั้นเป็นอีกสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งที่ได้รับการยอมรับว่ามีความสวยสดงดงามไม่แพ้สถานที่ท่องเที่ยวใดในประเทศไทย หรืออาจจะติดอันดับโลกเลยก็ว่าได้
ในโอกาสได้ไปเยือน จ.ตรัง ด้วยความเอื้อเฟื้อจากหอการค้าจังหวัดตรัง โดยคุณสลิล โตทับเที่ยง ประธานหอการค้าจังหวัดตรัง ในวันที่กำลังย่างเข้าสู่ฤดูฝน ต้นฝนอย่างนี้ ฟ้าเหนือท้องทะเลถูกประดับด้วยริ้วเมฆลอยล่องผ่านมาให้เห็นเป็นระยะ สลับกับแดดค่อนข้างแรงสักหน่อยในช่วงสายๆ
เราเดินทางสู่หาดปากเมง ซึ่งมีท่าเทียบเรือโดยสารที่จะนำนักท่องเที่ยวออกจากฝั่งไปสัมผัสกับความงามของท้องทะเลตรัง ด้วยเรือโดยสารทั้งขนาดใหญ่ที่รองรับจำนวนคนได้กว่า 100 คน และเรือสปีดโบ๊ทที่รองรับนักท่องเที่ยวได้คราวละไม่มาก แต่ประหยัดเวลาในการเดินทาง
สิ่งที่ต้องเตรียมพร้อมจะออกเดินทางไปกับเรือนั่นก็คือ แว่นกันแดด ครีมกันแดด หมวก ซึ่งมีความจำเป็นอย่างยิ่งในวันที่อากาศร้อนอ้าว บวกกับลมทะเลที่ชื้น อาจทำให้เกิดอาการไม่สบายเนื้อสบายตัวได้เช่นกัน กล้องถ่ายรูป เพื่อเอาไว้บันทึกความทรงจำดีๆ รวมไปถึงเป้กันน้ำเพื่อจัดเก็บอุปกรณ์ไม่ให้เปียก สุดท้ายคือการสวมใส่เสื้อชูชีพ อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย ทุกครั้งเมื่อขึ้นเรือ จากนั้นก็เตรียมเดินทางออกไปสัมผัสกับทะเลตรังได้
จุดหมายแรกของเราคือเกาะกระดาน สถานที่ดำน้ำตื้นที่ถูกอกถูกใจนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ เมื่อเรือแล่นเข้าสู่จุดหมาย ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายให้พอคลายร้อน สิ่งแรกเมื่อชะเง้อคอลงไปดูใต้ผืนน้ำนั่นก็คือ แนวปะการังยังคงความอุดมสมบูรณ์ รวมทั้งฝูงปลาน้อยใหญ่ที่แหวกว่ายหากิน ที่มารอคอยต้อนรับพวกเรา ไม่รอช้าหลายคนต่างลงไปสัมผัสกับน้ำทะเลอันเย็นฉ่ำ
น่าเสียดายนิดเดียวที่วันนี้สภาพ ของผิวน้ำทะเลหน้าเกาะกระดานไม่เป็นใจเพราะเราต้องเผชิญกับ ซากแพลงตอนที่ตายแล้วลอยแพอยู่ทั่ว ซากแพลงตอนเหล่านี้ชาวเรือที่นี่เขาเรียกว่า "ขี้ปลาวาฬ"
เมื่อชมความงามของแนวปะกา-รังที่เกาะกระดานอิ่มใจกันแล้ว เรายก สมอขึ้นเพื่อเตรียมตัวเดินทางสู่เกาะมุก ชมความงามของ "ถ้ำมรกต" หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยว Unseen ของทะเลตรัง
การเที่ยวชมภายในถ้ำมรกตนั้น จะต้องคำนึงถึงเวลาน้ำขึ้นน้ำลงด้วย เพราะ เราจำเป็นต้องลอยคอลอดถ้ำเข้าไปภายใน ก่อนจะออก สู่อีกด้านหนึ่งซึ่งเป็นด้านที่อยู่ในกลางเกาะ แต่ก่อนนั้น การเข้าสู่ถ้ำจะใช้การพายเรือ แคนูหรือคายัคเข้าไป ส่วนในปัจจุบันเมื่อนักท่องเที่ยว เพิ่มมากขึ้น กรุ๊ปทัวร์ต่างๆจึงจัดให้นักท่องเที่ยวเข้าแถว เกาะไหล่ โดยมีไกด์เป็นผู้นำทางเข้าสู่ตัวถ้ำ
ภาพความงามของถ้ำมรกตนั้น เกิดจากการที่แสง ภายนอกกระทบกับน้ำทะเลสีเขียวคราม แล้วสะท้อนแสงกับพื้นถ้ำ จึงทำให้เรามองเห็นด้วยตาเปล่าว่าถ้ำทั้งถ้ำ นั่นสว่างไสวสีเขียวมรกต
ไกด์เล่านิทานปรัมปราให้เราฟังว่าในอดีตถ้ำแห่งนี้เคยเป็นที่ซุกซ่อนสมบัติของเหล่าโจรสลัดด้วยเพราะถ้ำนั้นมีเพดานสูงใหญ่ แต่หากเราก็เข้าใจว่าที่แห่งนี้อาจเป็นเพียงที่หลบลมพายุของชาวเรือในบริเวณนี้
สิ่งที่เราได้จากทริปนี้นั้นนอกจากการได้ยลความมหัศจรรย์ของท้องทะเลตรังแล้ว ยังเป็นการตอกย้ำอีกว่าสถานที่ท่องเที่ยวของประเทศไทยนั้นมีดีกว่าที่คิด อีกมาก หลากหลายสถานที่ที่เรายังไม่เคยไป ยังคงรอให้เราไปเยี่ยมชมอยู่ และหลายสถานที่ที่เราได้ไปมาแล้วนั้นก็อยากฝากให้คนไทยช่วยกันอนุรักษ์เอาไว้ให้ลูกให้หลานของเราในอนาคตได้มีโอกาสไปสัมผัสบ้าง ไม่ใช่ได้เห็นแต่เพียงในรูปถ่าย