ด้วยปัจจุบันได้มีแฟชั่นที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังมากมาย โดยเฉพาะการสักผิวหนังเป็นภาพต่างๆ หรือเจาะผิวหนังเพื่อฝังโลหะเครื่องประดับต่างๆ เอาไว้ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในกลุ่มวัยรุ่น เพราะคิดว่าเป็นความสวยงามของร่างกายอีกรูปแบบหนึ่ง หากไม่ได้คิดว่า การสักหรือเจาะผิวหนังอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ ถ้าอุปกรณ์ที่ใช้ไม่สะอาด หรือผู้สักหรือเจาะไม่มีความรู้เพียงพอ ก็อาจติดเชื้อได้หลายชนิด
นอกจากนี้ ยังพบว่าแม้การสักหรือเจาะผิวหนังจะใช้เข็มที่ลนไฟจนร้อนแดงแล้ว ก็ไม่อาจฆ่าไวรัสได้ทุกชนิด โดยเฉพาะไวรัสตับอักเสบ ดังนั้น ผู้สักหรือเจาะผิวหนังจึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบได้ โดยขณะนี้คนไทยมีแนวโน้มเป็นโรคตับอักเสบเพิ่มขึ้นมาก และยังเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับ จึงทำให้อัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับสูงขึ้นตามไปด้วย
ทั้งนี้ ผิวหนังถือเป็นอวัยวะที่สำคัญของร่างกายในการปกป้องอันตราย หากผิวหนังฉีกขาด จะทำให้มีโอกาสได้รับเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย จึงมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคต่างๆ และผิวหนังยังมีต่อมเหงื่อช่วยขับของเสีย และระบายความร้อนออกจากร่างกาย ทำให้ร่างกายสามารถรักษาอุณหภูมิไม่ให้สูงจนเกินไป
ผศ.พญ.สุวิรากร โอภาสวงศ์ ประธานประชาสัมพันธ์สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในปัจจุบันแฟชั่นเกี่ยวกับการเจาะ สัก เพนต์ หรือการต่อส่วนต่างๆ ทั้งที่เป็นขนตา ต่อเล็บ ต่อเส้นผม กำลังเป็นที่นิยมทั้งในต่างประเทศ รวมถึงประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิง หรือผู้ชาย
แต่กระบวนการการเสริมความงามตามแฟชั่นนั้น เบื้องหลังอาจแฝงไปด้วยอันตรายที่เราอาจคาดไม่ถึงได้ อย่างเช่นการสัก มีเหตุผลหลายประการที่คนเราจะสัก เช่น สักเพื่อเป็นสัญลักษณ์ สักตามความเชื่อ สักตามแฟชั่น หรือสักทางการแพทย์ เพื่อปิดจุดบกพร่อง สักเพื่อความสวยงาม สักคิ้ว ขอบตา ขอบปาก การสักมีทั้งที่สักด้วยมือ และใช้เครื่องมีมอเตอร์ซึ่งจะทำให้สีเสมอกันมากกว่า
สำหรับการเจาะ เช่น การเจาะหู เจาะสะดือ เจาะลิ้น หน้า อวัยวะเพศ หัวนม ผลเสียจากการสัก เจาะ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เป็นฝี หนอง โรคบาดทะยัก วัณโรค ผิวหนัง ตับอักเสบ ซิฟิลิส เอดส์ หรือเกิดอาการแพ้ เช่น แพ้โลหะที่ใช้เจาะ ใส่ เช่น แพ้นิเกิล แพ้สีที่ใช้สัก บางคนอาจเกิดแผลเป็น หรือเกิดอาการกำเริบของ โรคผิวหนังที่มีอยู่ก่อน เช่น สะเก็ดเงิน โรคผิวหนังอักเสบ นอกจากนี้ หากต้องการลบ รอยสักจะเจ็บมากกว่า และเสียค่าใช้จ่ายมากกว่า
ส่วนการสักขอบตา อาจทำให้เยื่อบุตาขาวอักเสบ หรือเป็นอันตรายถ้าสาร สี เข้าไปโดนตาดำ อาจทำให้ถึงตาบอดได้ และห้ามทำการสัก หรือเจาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง คือ โรคโลหิตออกไม่หยุดที่เรียกว่า ฮีโมฟีเลีย โรคลิ้นหัวใจพิการ โรคผิวหนังแพ้และพุพอง ผู้ที่มีประวัติแพ้เครื่องประดับ คือ แพ้โลหะนิเกิล หรือผู้ที่เกิดแผลเป็นนูนโต ที่เรียกว่าคีลอยด์ง่าย เหล่านี้ควรงดเว้นการสัก และการเจาะ
ในส่วนของการเพนต์ให้ระวังการเกิดอาการแพ้สารเคมี ที่ผสมอยู่ในสี henna paint มีสาร paraphenylenediamine (PPD) เป็นสารที่ใช้ในการย้อมผมดำ ซึ่งทำให้เกิดการแพ้ได้ การต่อขนตาก็เช่นกัน ให้ระวังการระคายเคืองจากกาว การแพ้กาว และการติดเชื้อ ทำให้ขนตาจริงร่วง การต่อผม สำหรับผู้ที่แพ้กาว ก็จะทำให้เกิดหนังศีรษะอักเสบได้ ส่วนการต่อเล็บ หรือการเพนต์เล็บ จะทำให้เล็บไม่แข็งแรงผิวสีของเล็บเปลี่ยนไป ผิวเล็บไม่เรียบ อาจมีอาการแพ้ในบางราย และเกิดอาการติดเชื้อได้