เปิดเวที Hospital Management Asia 2022 ชู ดิจิทัลเฮลท์แคร์ หนุนศักยภาพ Medical Hub เมืองไทย

วันพุธที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2565

เปิดเวที Hospital Management Asia 2022 ชู ดิจิทัลเฮลท์แคร์ หนุนศักยภาพ Medical Hub เมืองไทย


Hospital Management Asia 2022 เวทีสัมมนาด้านระบบสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพระดับภูมิภาค จัดงานใหญ่ในเมืองไทย แชร์ข้อมูลเชิงลึกในการพัฒนาธุรกิจสู่ดิจิทัลเฮลท์แคร์ โชว์เทคโนโลยี AI, Blockchain, Internet of Medical Things หนุนศักยภาพ Medical Hub ฟื้นเม็ดเงินท่องเที่ยวเชิงการแพทย์มูลค่ากว่า 5 แสนล้านบาท สมาคมโรงพยาบาลเอกชนไทยประกาศความพร้อม ยกระดับด้านดิจิทัล เชื่อมโยงข้อมูลในไทยและอาเซียน

ประเทศไทยได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์และสุขภาพระดับโลก (Medical Hub)และเป็นอีกเป้าหมายของนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยก่อนหน้าสถานการณ์โควิด-19 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 40 ล้านคนต่อปี ส่วนเป้าหมายในปี 2565 หลังสถานการณ์ต่าง ๆ เริ่มฟื้นตัว คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในเมืองไทยประมาณ 9.5 ล้านคน แบ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ ( Medical Tourism) 6-8%

คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ภายใต้ยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศไทย หนึ่งในเป้าหมายของยุทธศาสตร์ new S Curve ของประเทศ ที่ภาครัฐให้การส่งเสริม คือ การสร้างศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub) และ ตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ (Medical Tourism Hub)  ที่มีมูลค่าราว 500,000 ล้านบาท จากการวิจัยของธนาคารกรุงศรี รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญของการสร้างไทยให้เป็น Medical Hub รวมถึงการสร้างระบบนิเวศให้ประเทศเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ เช่น BOI  ส่งเสริมการลงทุนด้านการวิจัยทางคลินิกและศูนย์วิจัยทางคลินิกธุรกิจทั้งสองประเภท จะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 8 ปี โดยไม่จำกัดจำนวน เป็นต้น

ศาสตราจารย์ นพ.เฉลิม หาญพาณิชย์ นายกสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เปิดเผยว่า จากการวิจัยของธนาคารกรุงศรี บริการทางการแพทย์ ประมาณ 65% เป็นบริการจากทางภาคเอกชน โรงพยาบาลเอกชนเป็นภาคส่วนที่มีบทบาทสำคัญและศักยภาพในการผลักดันดิจิทัลเฮลท์แคร์ ศูนย์กลางทางการแพทย์ และตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์   สมาชิกของสมาคมโรงพยาบาลเอกชน เตรียมความพร้อมด้านดิจิทัลโดยสร้างโครงสร้างพื้นฐานไอทีเพื่อ เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างโรงพยาบาล รวมถึงโรงพยาบาลในอาเซียน เพื่อให้บริการคนไข้ในภูมิภาคได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย ดังนั้นการทำดิจิทัลทรานสฟอร์เมชันในโรงพยาบาล จึงมีความสำคัญยิ่ง

ปัจจุบันประเทศไทยมีโรงพยาบาลเอกชนประมาณ 400 แห่งทั่วประเทศ รวมจำนวนเตียง 150,000 เตียง และแต่ละโรงพยาบาลมีการพัฒนาศักยภาพและมาตรฐานอยู่เสมอ รวมทั้งการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยี เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการให้บริการให้ก้าวหน้าอยู่เสมอ

ปัจจัยหลักที่ทำให้บริการทางสุขภาพและการแพทย์ในประเทศไทย ได้รับการยอมรับจากลูกค้าต่างชาติ ประกอบด้วย 3 ประการ 1.ราคาที่เหมาะสม สามารถแข่งขันกับหลาย ๆ ประเทศได้ 2.การบริการด้วยอัธยาศัยไมตรีแบบคนไทย อันเป็นที่ประทับใจของผู้เข้าใช้บริการ และ 3.คุณภาพทางการแพทย์ที่ได้รับมาตรฐานระดับสากล

พิงกี้ ฟาดูลเลียน ผู้อำนวยการจัดงาน Hospital Management Asia บริษัท Clarion Events Asia กล่าวว่า  การประชุมสัมมนา Hospital Management Asia ในปีนี้ กลับมาจัดที่ประเทศไทยอีกครั้ง หลังจากห่างหายไป 3 ปีจากสถานการณ์โควิด ซึ่งเป็นตัวเร่งให้ทุกภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่ดิจิทัลเร็วขึ้น    รวมถึงภาคอุตสาหกรรมสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพได้มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้งาน เช่น เอไอ บล็อกเชน Internet of Medical Things หรืออุปกรณ์การแพทย์ที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้ โดยการจัดงานในครั้งนี้ เรามุ่งเน้นให้เกิดอีโคซิสเต็มส์ และคอมมูนิตี้เพื่อเชื่อมโยงบุคลากรในวงการอุตสาหกรรมทั่วทั้งภูมิภาค ด้วยการแบ่งปันความรู้ และประสบการณ์ระหว่างกัน เพื่อพัฒนาระบบสาธารณสุขและการดูแลสุขภาพด้วยดิจิทัลได้อย่างยั่งยืน

มิสเตอร์บียอร์น โบเดนสเทรน (Björn Bodenstein) กรรมการผู้จัดการ ซีเมนส์ เฮลทิเนียร์ส กล่าวว่า  ซีเมนส์ เฮลทิเนียร์ส ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีมาใช้กับ บริการทางการแพทย์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกับงานด้านเฮลท์แคร์ และลดต้นทุนในการดำเนินการ งานบริการทางการแพทย์เป็นงานที่ซับซ้อนและเป็นงานยาก เราได้นำเทคโนโลยีเอไอมาใช้เพื่อ ยกระดับงานบริการเฮลท์แคร์สู่ดิจิทัล และทำให้โรงพยาบาลและภาคเฮลท์แคร์ ปรับรูปแบบบริการ สู่การบริการดูแลแบบดิลิเวอร์รี่ จ่ายยาได้อย่างถูกต้องแม่นยำ และปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ป่วย ซีเมนส์ เฮลทิเนียร์สได้พัฒนาโซลูชันต่าง ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอมากกว่า 63 รายการ ซึ่งช่วยให้เกิด การทำงานแบบอัตโนมัติ และสร้างมาตรฐานใหม่ ที่ไม่ใช่แค่เพียงเวิร์กโฟลว์ แต่สามารถวิเคราะห์โรค ที่ซับซ้อนได้ ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วย และสภาพแวดล้อมที่เรากำลังก้าวเข้าสู่ยุคถัดไป ของโซลูชันที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ

นายแพทย์ ตัง ก้อง ชุง รองซีอีโอ โรงพยาบาลตันต็อกเส็ง และศูนย์กลางด้านการดูแลสุขภาพ กล่าวว่า การจัดบริการสุขภาพแบบเน้นคุณค่า (Value Based Healthcare) เป็นแนวโน้มในอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ ที่เน้นผลลัพธ์ ในการรักษาคนไข้ และคนไข้จ่ายค่าบริการตามผลลัพธ์ที่ได้ โมเดลใหม่นี้ จำเป็นต้องพึ่งพา โครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีดิจิทัลที่แข็งแกร่ง เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ในการให้บริการคนไข้จากที่ไหนก็ได้




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ