เที่ยวไทยรับสัญญานบวก “เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป” ประกาศแผนเปิดโรงแรมใหม่ครบ 100 แห่งภายในปี 68

วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2565

เที่ยวไทยรับสัญญานบวก “เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป” ประกาศแผนเปิดโรงแรมใหม่ครบ 100 แห่งภายในปี 68


ภาพรวมการท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มสดใส ภาคธุรกิจเริ่มมีการขยับขยายพร้อมเป้าหมายการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเครือโรงแรมยักษ์ใหญ่ระดับโลก “เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป” ประกาศแผนฟื้นฟูตลาดท่องเที่ยวและโรงแรมในประเทศไทย ตั้งเป้าเปิดโรงแรมและรีสอร์ตครบ 100 แห่ง ภายในปี 2568 พร้อมฉายภาพความเชื่อมั่น เมืองไทยไทยยังเป็นเป้าหมายสำคัญของนักท่องเที่ยว 

เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป (Radisson Hotel Group) หนึ่งในเครือโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดกลุ่มหนึ่งของโลก มีแบรนด์ของโรงแรมในเครือที่โดดเด่น 9  แบรนด์ และมีโรงแรมที่เปิดให้บริการและอยู่ระหว่างดำเนินการมากกว่า 1,600 แห่งใน 120 ประเทศทั่วโลก และคำมั่นสัญญาของแบรนด์ที่ว่า ทุกช่วงเวลามีความสำคัญ(Every Moment Matters) และสโลแกนในการให้บริการที่ว่า Yes I Can!

แบรนด์โรงแรมภายใต้การบริหารในเครือเรดิสัน ได้แก่ เรดิสัน คอลเลกชั่น, เรดิสัน บลู, เรดิสัน, เรดิสัน เรด, เรดิสัน อินดิวิดวลส์, พาร์ค พลาซ่า, พาร์ค อินน์ บาย เรดิสัน, คันทรี อินน์ แอนด์ สวีท บาย เรดิสัน และ Prizeotel

ปัจจุบันโรงแรมในเครือเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ในประเทศไทย มีจำนวน 6 แห่ง ประกอบด้วย 4 แห่งในกรุงเทพฯ และอยู่ระหว่างดำเนินการอีก 2 แห่งที่ภูเก็ตและพัทยา นอกจากเป้าหมายการขยายธุรกิจในประเทศไทยแล้ว ยังมีแผนการเปิดโรงแรมและรีสอร์ตในประเทศต่าง ๆ ให้เพิ่มเป็น 2,000 แห่ง จากจำนวน 400 แห่งในปัจจุบัน

การที่เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป วางแผนกลยุทธ์ที่มีความท้าทายเช่นนี้เป็นกลไกลขับเคลื่อนรูปแบบทางธุรกิจที่ปรับเปลี่ยนให้ตรงกับความต้องการของนักลงทุนและเจ้าของโรงแรมแต่ละคนโดยเฉพาะ เป็นการตอบสนองเชิงกลยุทธ์ที่มาจากแรงผลักดันทั้งภายในและภายนอกรวมกัน ทั้งการเติบโตแบบออร์แกนิก (Organic Growth) ที่เกิดขึ้นด้วยศักยภาพขององค์กรเอง การควบรวมกิจการ รวมถึงการทำสัญญาอนุญาตให้ใช้สิทธ์ในการบริหาร (master license agreements) โดยทุกแบรนด์ที่อยู่ภายใต้การบริหารของกลุ่มบริษัทในเครือเรดิสันนั้น มีโครงสร้างการออกแบบของแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็น เรดิสัน คอลเลคชั่น (Radisson Collection) เรดิสัน บลู (Radisson Blu) และ เรดิสัน (Radisson)

ขณะเดียวกันก็มุ่งเจาะกลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโตขึ้นอย่างรีสอร์ทและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ โดยเน้นเลือกทำเลที่ตั้งที่เป็นแหล่งธุรกิจและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต พัทยา เชียงใหม่ และเกาะสมุย รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่ที่กำลังมาแรงของไทยในขณะนี้

กลุ่มโรงแรมเรดิสันเล็งเห็นถึงโอกาสการเติบโตของประเทศไทยที่มีแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่อง และเห็นศักยภาพมหาศาลในการเติบโตของแบรนด์ต่างๆ ในเครือ ดังนั้น สำหรับการเจาะตลาดในประเทศไทย จึงมุ่งเน้นที่แบรนด์ เรดิสัน อินดิวิดวลส์ (Radisson Individuals)โดยเฉพาะ ที่เป็นแบรนด์น้องใหม่ล่าสุดที่กำลังกระแสแรงฉุดไม่อยู่ทั่วโลก และคาดว่าจะสามารถดึงดูดและได้รับความนิยมจากเจ้าของและนักพัฒนาธุรกิจโรงแรมในไทยที่ต้องการทำธุรกิจกับกลุ่มโรงแรมคุณภาพ ที่มาพร้อมสัญญาที่มีความยืดหยุ่นมากขึ้นเพื่อปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ และมูลค่าการลงทุนที่ลดลง ขณะเดียวกันยังคงรักษาความเป็นเอกลักษณ์ ลักษณะและบุคลิกภาพของโรงแรมไว้ ส่วนอีกแบรนด์ที่กำลังผลักดันให้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็วในไทยตอนนี้คือแบรนด์ระดับ upper midscale อย่าง Park Inn by Radisson  ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับกลางค่อนไปทางระดับบนที่นำเสนอบริการแบบปัจจัยพื้นฐานที่ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันโดยคำนึงถึงความอบอุ่นและสะดวกสบายของผู้เข้าพักเป็นหลัก ด้วยการให้บริการที่เป็นมิตร มีความพิเศษและให้ความรู้สึกที่ดียิ่งขึ้น และอีกหนึ่งแบรนด์ที่เน้นคือ Radisson RED เป็นแบรนด์ระดับ upscale ที่ผสมผสานระหว่างรูปลักษณ์โรงแรมในแบบเดิมมาปรับให้เข้าพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัวให้มีความสนุกสนานด้วยสไตล์การออกแบบที่โดดเด่น ซึ่งทำให้แขกของเราสามารถสัมผัสได้ถึงแรงบันดาลใจ มีความรู้สึกเชื่อมโยงและเข้าใจถึงจุดหมายปลายทางได้อย่างลึกซึ้ง

นอกจากนี้ เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ยังมีการเซ็นสัญญาร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจระดับภูมิภาคกับผู้ถือหุ้นของกลุ่มบริษัทจินเจียง อินเตอร์เนชั่นแนล (Jin Jiang International) และบริษัทในเครือเพื่อเร่งการขยายตัว ซึ่งบรรดาเจ้าของธุรกิจและนักพัฒนาจะสามารถเข้าถึงกลุ่มแบรนด์หลากหลายที่มีตัวเลือกเพิ่มขึ้นในตลาดทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ในประเทศไทย กลุ่มโรงแรมเรดิสันได้รับสิทธิ์ในการบริหารและพัฒนาธุรกิจกับแบรนด์ 7 Days และ Metropolo โดยได้มีการทำสัญญาอนุญาตและสิทธิหลักในการเป็นผู้ดำเนินงานบริหารจัดการธุรกิจของกลุ่มบริษัทในเครือจินเจียง เพื่อเจาะกลุ่มตลาดระดับบนและระดับกลาง ซึ่งปัจจุบันมีแบรนด์ที่ เรดิสัน โฮเทล กลุ่ม ได้รับสิทธิเข้าพัฒนาธุรกิจแล้ว ได้แก่ โกลเด้น ทิวลิป (Golden Tulip) คีเรียด (Kyriad) และ คัมพานิล (Campanile) จาก ลูฟวร์ โฮเทล กรุ๊ป (Louvre Hotels Group)

โดยตลอดปี 2564 ที่เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นของ จินเจียง และ Sino-Ceef ทำให้สามารถดำเนินการตามแผนการปฏิรูปในระยะ 5 ปีอย่างต่อเนื่อง วิธีการนี้ได้รับผลตอบรับเป็นอย่างดีซึ่งถือว่าเป็นการนำระบบที่ดีที่สุดมาใช้ในการดำเนินการที่ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับกลุ่มโรงแรมในเครือ ตลอดจนทำให้มีการลงทุนอย่างเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในระบบปฏิบัติการ ซึ่งส่งผลให้มีกำไรจากการดำเนนงานมากที่สุดในอุตสาหกรรมนี้

ด้วยความมุ่งมั่นของเรดิสันในการเดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและบริการของประเทศไทยในอนาคตอย่างเต็มที่ จึงมีแผนเปิดสำนักงานเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ประจำประเทศไทยขึ้นที่กรุงเทพฯ โดยมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมให้บริการด้วยความรับผิดชอบอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและความไว้วางใจให้กับพันธมิตรทางธุรกิจชาวไทย ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดสัมพันธภาพที่ดีอันยาวนานระหว่างกันและกัน

“ดิฉันคิดว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางซึ่งเป็นที่ปรารถนาและส่งมอบประสบการณ์อันล้ำค่าสำหรับนักเดินทางทุกประเภท การประกาศยกเลิกมาตรการเข้าราชอาณาจักรจึงเป็นขั้นตอนที่สำคัญอย่างยิ่งในการช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจการท่องเที่ยวของประเทศ และเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป คาดหวังที่จะเห็นภาพของการเดินทางเข้ามีการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เราเตรียมพร้อมและมุ่งมั่นอย่างเต็มที่สำหรับอนาคตของธุรกิจการท่องเที่ยวและโรงแรมในประเทศไทย และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้ทำงานร่วมงานกับพันธมิตรของเราเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับในประเทศที่มีเสน่ห์แห่งนี้” มิส. แคทรีน่า จีอานูกา ประธาน เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป เอเชียแปซิฟิก กล่าว

 

มร. เดวิด เหงียน กรรมการผู้จัดการ ด้านยุทธศาสตร์ความร่วมมือในภูมิภาคอินโดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และแปซิฟิก กล่าวเสริมว่า “เนื่องจากประเทศไทยเป็นหนึ่งในตลาดหลักที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วของโรงแรมในเครือเรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ทีมงานของเรารวมถึงตัวผมตั้งตารอที่จะได้ร่วมงานกับพันธมิตรในประเทศเพื่อขยายพอร์ตการลงทุนของกลุ่มบริษัทของเรา เพื่อเตรียมพร้อมรับการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวขาเข้า”

การที่ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยไม่ต้องกักตัวหรือแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสในขณะนี้ จึงเป็นก้าวที่สำคัญในการฟื้นฟู “สยามเมืองยิ้ม” แห่งนี้ให้เพื่อต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองให้กลับมาเยือนจุดหมายปลายทางที่พวกเขาโปรดปรานได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งรัฐบาลไทยคาดการณ์ว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าประเทศได้มากกว่า 7 ล้านคนในปี 2565

ในระยะยาวนั้น การกลับมาของนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนประเทศไทย จะมีบทบาทสำคัญที่ส่งผลต่อความสำเร็จของกลุ่มโรงแรมเรดิสันและประเทศไทยโดยรวม ก่อนโรคระบาดจะเกิดขึ้น นักท่องเที่ยวชาวจีนมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาทั้งหมดของประเทศ เมื่อการท่องเที่ยวขาออกจากประเทศจีนกลับมาดำเนินการอีกครั้ง ประเทศไทยจะเป็นหนึ่งในประเทศแรกๆ ที่ได้รับผลประโยชน์ ดังนั้น การเป็นพันธมิตรระหว่าง เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป กับ จินเจียง อินเตอร์เนชั่นแนล จะสามารถสร้างอรรถประโยชน์จากตลาดที่สำคัญนี้จำนวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ ยังมีช่องทางการทำจองเป็นภาษาจีนและ การชำระเงินดิจิทัลเพื่อเข้าถึงสมาชิกทั้งหมดของลอยัลตี้โปรแกรมที่มีมากกว่า 182 ล้านคน

นอกจากนี้ เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ยังจะช่วยส่งเสริมสนับสนุนภาคการท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีอนาคตที่ยั่งยืน บริษัทได้ให้คำมั่นสัญญาอย่างแน่วแน่กับแนวคิดในการจัดการเพื่อทำให้การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากกิจกรรมหรือผลิตภัณฑ์โดยกระบวนการกำจัดคาร์บอน (carbon net zero) ภายในปี 2050 รวมถึงการจัดงานประชุมของโรงแรมในเครือเรดิสันทั้งหมดนั้นปลอดคาร์บอน 100% โดยร่วมมือกับผู้นำในภาคอุตสาหกรรมหลายองค์กร เช่น สมาคมโรงแรมภูเก็ต เป็นต้น นอกจากนี้ เรดิสัน โฮเทล กรุ๊ป ยังเป็นพันธมิตรของ Hotel Sustainability Basics ซึ่งเป็นองค์กรภาคอุตสาหกรรมรูปแบบใหม่ในการขับเคลื่อนการเดินทางอย่างยั่งยืน




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ