แอล.พี.เอ็น.ดัน “พรสันติ” พัฒนาโครงการแนวราบ มุ่งขยายฐานลูกค้าเดิม เสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กร เปิด 2 โครงการใหม่ ย่านบางนา-ศรีนครินทร์ และสวนหลวง ร.9 ภายใต้แบรนด์ “บ้านลุมพินี” หลังละ 7-10 ล้านบาท รองรับกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ต่อยอดจาก คอนโดฯ “ลุมพินี”
นายจรัญ เกษร กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรสันติ จำกัด บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ดูแลการพัฒนาโครงการแนวราบ ภายใต้ปีกของ บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) (LPN) กล่าวถึงกลยุทธ์การดำเนินงานของบริษัท “พรสันติ” ว่ายังคงยึดมั่นตามนโยบาย และแนวทางการพัฒนาโครงการของ LPN ในการพัฒนาคุณค่าสินค้าและบริการให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้พักอาศัย ตั้งแต่กระบวนการออกแบบ การขาย ก่อสร้าง โอนกรรมสิทธิ์ และส่งมอบบ้านพักอาศัย รวมทั้งการดูแลคุณภาพชีวิต ในแนวทางเดียวกับ “ลุมพินี” คือ ชุมชนน่าอยู่
โดยในปี 2557 นี้ บริษัทพร้อมเปิดตัวโครงการใหม่ 2 โครงการ ภายใต้แบรนด์ “บ้านลุมพินี” ได้แก่ 1.โครงการบ้านลุมพินี ทาวน์ เรส ซิเดนซ์ บางนา-ศรีนครินทร์ เป็นโครงการประเภททาวน์เฮาส์ 3 ชั้น และโฮมออฟฟิศ 4 ชั้น จำนวน 27 หลัง มูลค่า 200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 7.3 ล้านบาท และ 2.โครงการบ้านลุมพินี สวนหลวง ร.9 เป็นโครงการประเภทบ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 104 หลัง มูลค่า 1,200 ล้านบาท ราคาเริ่มต้นที่ 10 ล้านบาท โดยทั้งสองโครงการตั้งอยู่ในย่าน บางนา-ศรีนครินทร์ และสวนหลวง ร.9 ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นไข่แดงที่อยู่ระหว่างศูนย์กลางเขตเศรษฐกิจโซนตะวันออกกรุงเทพฯ และศูนย์รวมแหล่งสาธารณูปโภคต่างๆ ของจังหวัดสมุทรปราการ ไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หรือซูเปอร์สโตร์แบรนด์ดัง อย่างพาราไดซ์พาร์ค ซีคอนสแควร์ เซ็นทรัลบางนา บิ๊กซี โลตัส ฟู้ดแลนด์ และเมกะบางนา เป็นต้น รวมถึงโครงข่ายการคมนาคมใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นบนถนนศรีนครินทร์-เฉลิม พระเกียรติ นอกจากนี้ ยังใกล้กับสถานที่พักผ่อนขนาดใหญ่ อย่างสวนหลวง ร.9 อีกด้วย
“การทำโครงการแนวราบ เพื่อขยายฐานลูกค้าเดิมที่อาศัยอยู่คอนโดมิเนียมลุมพินีมานาน ปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้าคอนโดฯ กว่า 30-40% และเป็นการลดความเสี่ยงจากบริษัทแม่ที่มีรายได้จากคอนโดฯ สูงถึง 97% นักลงทุนอาจมองว่ามีรายได้ขาเดียว หากเกิดปัญหาอะไรขึ้น จะทำให้มีผลต่อฐานะบริษัทได้ ดังนั้นแอลพีเอ็นจึงต่อยอดธุรกิจ และตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการขยายครอบครัว”
บริษัทพรสันติฯ เป็นบริษัทที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2533 โดยมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการที่หลากหลายที่ไม่ใช่อาคารชุดพักอาศัยเพื่อเสริมจุดอ่อน และเป็นการบริหารความเสี่ยงพร้อมทั้งรักษาโอกาสให้กับบริษัท แต่ในช่วงที่ผ่านมาโครงการที่พัฒนาภายใต้บริษัทพรสันติฯ กลับมีจำนวนน้อย เนื่องจากคอนโดฯได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องและในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีความผันผวนในสภาพเศรษฐกิจและการเมือง บริษัทแอล.พี.เอ็น.ฯ จึงเริ่มผลักดันให้พรสันติมีบทบาทมากขึ้น เพื่อเสริมรายได้ของบริษัท โดยตั้งเป้ารับรู้รายได้ต่อปีอยู่ที่ประมาณ 10% ของยอดรับรู้รายได้ของ LPN ในปี 2557 นี้จึงได้ตั้งเป้ารับรู้รายได้ของพรสันติไว้ที่ 800 ล้านบาท นายจรัญ กล่าว
สำหรับสินค้าของบริษัทพรสันติฯ จะอยู่ในกลุ่มระดับราคา 3-5 ล้านบาท เนื่องจากเป็นตลาดที่มีความต้องการสูงและมีกำลังซื้อต่อเนื่อง โดยสินค้าในกลุ่มนี้จะประกอบด้วย 2 แบรนด์หลักคือ บ้านลุมพินี ทาวน์วิลล์ ระดับราคา 3 ล้านบาท และบ้านลุมพินี ทาวน์ เพลส ระดับราคา 5 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มลูกค้าเก่าของแอล.พี.เอ็น. ที่ต้องการขยายที่อยู่อาศัย
แต่สำหรับ 2 โครงการใหม่ ซึ่งราคาขายเริ่มต้นที่ 7-10 ล้านบาทนั้น เพื่อต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้าระดับบน ซึ่งบริษัทมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เนื่องจากบริษัทได้ชูจุดเด่นในเรื่องของงานบริหารชุมชน ซึ่งถือได้ว่าเป็นจุดแข็งของแอล.พี.เอ็น. ที่มีประสบการณ์จากการดูแลอาคารพักอาศัยมาเป็นระยะเวลานานกว่า 20 ปีมาแล้ว นายจรัญ กล่าวในที่สุด