หุ้นแม่ลูก 2K (KTB {amp} KTC)

วันจันทร์ที่ 01 กันยายน พ.ศ. 2557

หุ้นแม่ลูก 2K (KTB {amp} KTC)


ภายหลังการรัฐประหารเดือน พ.ค. 57 ปรากฏว่าหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินได้มีการปรับขึ้นอย่างมาก จากการคาดหวังถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ที่มีภารกิจใหญ่คือเรื่องปัญหาปากท้องของประชาชน ซึ่งนี่คือหัวใจที่จะทำให้การเมืองมั่นคง เพราะถ้าประชาชนท้องยังหิวล่ะก็ ต่อให้เป็นรัฐบาลที่ดีเลิศประเสริฐศรีแค่ไหนก็ตาม ก็อยู่ไม่ได้แน่นอน

ถ้าจับตา road map ของ คสช. มาจนถึงรัฐบาลประยุทธ์ 1 ที่กำลังฟอร์มทีมอยู่อย่างรีบเร่ง ประเด็นหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือแผนการลงทุนภาครัฐ (Public Invetment) ที่เป็นเสมือนหัวรถจักรที่จะทำให้เกิดการลงทุนภาคเอกชน (Private Investment) ตามมาเป็นรถพ่วงท้าย เพราะนี่คือเกิดการหมุนของเงินในระบบ (turnover) อย่างรวดเร็ว และ มีประสิทธิภาพมากที่สุด

กลไกหนึ่งที่จะได้ประโยชน์เป็นกลุ่มแรกๆ เลย คือ ภาคธนาคารพาณิชย์ที่สามารถปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น หลังจากครึ่งแรกของปี 57 เจอปัญหาการเมือง ทำให้สินเชื่อหดตัว ไม่นับ NPL ที่พุ่งขึ้นจนเกือบทุกแบงก์ต้องเร่งตั้งสำรองหนี้สูญ ทำให้กำไรออกมาไม่ดีนัก

และเมื่อพูดถึงการลงทุนของภาครัฐ ธนาคารแรกที่ทุกคนคิดถึงก่อนเพื่อนคือ KTB ที่จะเป็นผู้ Support แหล่งเงินหลักให้กับรัฐบาล โดยในปี 57 นี้คาดว่าสินเชื่อภาครัฐจะกลับมาขยายตัวราวๆ 13-15% (YTD) มากกว่าสินเชื่อผู้บริโภค ที่จะขยายตัวประมาณ 10% (YTD) เพราะเกือบทุกแบงก์ห่วงหนี้ครัวเรือน ทำให้ไม่กล้าปล่อยกู้สินเชื่อตัวนี้มาก

สิ่งที่น่าสนใจคือสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจใน 2H57 เริ่มส่งสัญญาณดีอย่างเงียบๆ แม้ยอดสินเชื่อรวมจะยังไม่ดีนัก แต่ฐานะของลูกหนี้เริ่มดีขึ้น สังเกตจาก NPL เพิ่มขึ้นเพียง 2.5% (QoQ) ในเดือนมิ.ย. 57 คาดว่าครึ่งปีหลังจะตั้งสำรองหนี้สูญน้อยลง รวมถึงอาจมีการ reverse กลับมา เมื่อฐานะลูกหนี้ดีขึ้น (ซึ่งใน Q2/57 KTB ได้ตั้งสำรองหนี้ถึง 5.4 พันลบ. สูงกว่าประมาณการไว้ถึง 1.4 พันลบ.)

ทั้งนี้ การขยายตัวในด้านกำไรของ KTB จะเกิดขึ้นจริงๆ น่าจะในปี 58-59 โดยคาดหมายว่า EPS Growth จะอยู่ที่ 7% และ 10% ตามลำดับ หลังจากชะลอตัวในปี 57 (EPS growth -4% โดยประมาณ)

นอกจากนี้ นโยบายการจ่ายเงินปันผลเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับ KTB ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากแรงกดดันของ คลังฯ ที่ต้องการรายได้เพิ่ม เพื่อชดเชยรายได้จากเงินภาษีที่ลดลง โดยบีบให้ธุรกิจในสังกัดต้องจ่ายเงินปันผลมากขึ้น ทำให้ KTB ก็ต้องเพิ่มการจ่ายปันผลในอัตราที่ดีขึ้นออกมา โดยคาด Dividend Yield จะเพิ่มจากระดับ 4% ขึ้นเป็น 5-6% ใน 2 ปีข้างหน้า

หากดูราคาหุ้น KTB ได้ปรับขึ้นมากว่า 30% จากรัฐประหารในเดือน พ.ค. จากราคาปัจจุบันแถวๆ 23 บาท ซึ่งยังถือว่าไม่แพงนัก โดยราคาที่เหมาะสมที่นักวิเคราะห์คาดการณ์กันไว้อยู่แถวๆ 27-29 บาท ซึ่งถือว่ามี Upsize gain อีกราวๆ 20% ทีเดียวขณะที่ PBV อยู่ไม่สูงเพียง 1.4 เท่า ซึ่งจะลดลงเหลือ 1.1 เท่า ในปี 59

นอกจากนี้สิ่งที่เป็น unrealized gain อีกอย่างที่ซ่อนอยู่ก็คือ ราคาหุ้นของ บ.ลูกคือ KTC (KTB ถือหุ้นอยู่ 49.45%) ได้ปรับขึ้นมาอย่างมากกว่า 80% นับจากเดือน พ.ค. 57 (คิดเป็นมูลค่าคร่าวๆ เกือบ 4 พันลบ.)

ในธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิตนั้น ดูเหมือนจะมีปัญหามากในครึ่งแรกของปี 57 แต่หลังจากภาพการเมืองเริ่มนิ่ง ก็พลิกกลับมาเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยกำไรใน Q2/57 ของ KTC มีกำไร 471 ลบ. โดยเพิ่มขึ้นกว่า 45.5% (YoY) และ 32.7% (QoQ) ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้มาก หลักๆ จะมาจากสินเชื่อที่ขยายตัว 2.5% ซึ่งก็ไม่มากนัก (เนื่องจาก KTC เน้นเรื่องคุณภาพมากขึ้น) แต่การบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ, หนี้เสียที่ลดลง และ Spread ที่ดีขึ้น (NIM เพิ่มจาก 18.5% ใน Q1/57 ขึ้นเป็น 19.4% ใน Q2/57)

ขณะที่ดูจาก coverage ratio ที่สูงมากกว่า 300% จากการเน้นตั้งสำรองหนี้ฯ ก่อนหน้านี้ ทำให้คาดว่า KTC จะลดการตั้งสำรองลงในครึ่งหลังของปี ซึ่งน่าจะเป็นผลดีต่อผลประกอบการ โดยคาดกำไรปลายปี 57 จะอยู่ราวๆ 1,570-1,610 ลบ. หรือขยายตัวประมาณ 25% จากปีก่อน ซึ่งเป็นระดับที่ดีกว่าคาดการณ์ นั่นจึงเป็นเหตุให้นักวิเคราะห์ต่างได้ปรับเป้ารายได้ของ KTC ขึ้นมาอีกมาก โดยปรับเป้าขึ้นเกือบๆ 100% จากระดับ 30-40 บาท ขึ้นเป็น 60-70 บาท (3 เดือน ปรับเป้าขึ้นเท่าตัว เว่อร์มาก) ซึ่งแม้จะดูจากราคาตลาดปัจจุบันที่ปรับขึ้นมามาก ทำให้ upsize gain ของ KTC จะไม่มากแล้ว แต่หากราคาหุ้นปรับลงต่ำกว่า 60 บาท ก็เป็นโอกาสที่จะเข้าซื้อเพื่อลงทุนได้อีกครั้ง


บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม โทร : 0893284192 , ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ