นายอดิศักดิ์ รัมมณีย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคเรียร์ (ประเทศไทยจำกัด) กล่าวว่า การขยายตัวของที่อยู่อาศัยและเขตเมืองอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ส่งผลให้ความต้องการแอร์เพิ่ม สูงขึ้นตามไปด้วย
โดยในปี 2555 ที่ผ่านมาตลาดแอร์ของประเทศไทยมีมูลค่ารวม 24,000 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้แอร์สำหรับที่พักอาศัยมีสัดส่วน 67% คิดเป็นมูลค่า 16,000 ล้านบาท หรือประมาณ 1.2 ล้านเครื่อง
ด้วยเหตุนี้บริษัทจึงตัดสินใจร่วมมือกับกลุ่มธุรกิจบี.กริม ตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ คือ บี.กริม แคเรียร์ (ประเทศไทย) ขึ้น เพื่อรุกตลาดแอร์สำหรับที่พักอาศัยโดยเฉพาะ ด้วยทุนจดทะเบียน 160 ล้านบาท
"การทำตลาดแอร์สำหรับที่อยู่อาศัย นั้นมีความแตกต่างกับแอร์เชิงพาณิชย์ทั้งด้าน กลยุทธ์การตลาด ทีมงานขายและการบริการ ดังนั้น การตั้งบริษัทใหม่สำหรับรองรับงานด้านนี้โดยเฉพาะจะช่วยให้มีความคล่องตัวสูงกว่า" นายอดิศักดิ์ กล่าว
นายวรเศรษฐ์ ดันติศิริวัฒน์ กรรม การผู้จัดการ บริษัท บี.กริม แคเรียร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ปัจจัยการแข่งขันของตลาดแอร์สำหรับที่อยู่อาศัยประกอบด้วยราคา ชื่อเสียง ฟีเจอร์ คุณภาพและการประหยัดพลังงาน ดังนั้น บริษัทจะเน้นกลยุทธ์ 4 ส่วนหลัก คือ การทำโปรโมชั่นเชิงรุก การขยายช่องทางจัดจำหน่าย การวางตลาดสินค้าใหม่และการเพิ่มมาตรฐานการติดตั้ง
การทำโปรโมชั่นและการขยายช่องทางการตลาด บริษัทได้ร่วมมือกับโตชิบา ในด้านการส่งเสริมการขายในช่องทางโมเดิร์นเทรด ทั้งการทำโปรโมชั่น การโฆษณาและการวางสินค้าในโมเดิร์นเทรดและร้านเครื่องใช้ไฟฟ้า การร่วมมือนี้จะช่วยให้บริษัทมีช่องทางจัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากเดิม 500 ราย เป็น 800 ราย
สำหรับการวางตลาดสินค้าใหม่ บริษัทจะเน้นสินค้าในกลุ่มอินเวอเตอร์ เพื่อตอบโจทย์ด้านการประหยัดพลังงานซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคให้น้ำหนักเมื่อซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า
อีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญคือ การเพิ่มมาตรฐานการติดตั้ง ซึ่งบริษัทได้ร่วมกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงานจัดอบรมพัฒนาฝีมือช่างในสังกัด รวมถึงมีการออกประกาศนียบัตรรับรองอีกด้วย ด้วยการติดตั้งและดูแลรักษาที่ได้มาตรฐานจะช่วยให้แอร์ของบริษัทแสดงศักยภาพออกมาได้มากที่สุด อีกทั้งยังป้อง กันไม่ให้ลูกค้าต้องเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็นจากการติดตั้งผิดวิธี
โดยบริษัทคาดว่าใน 1 ปี ต่อจากนี้จะใช้งบการตลาดเพิ่มขึ้นกว่า 50% จาก ปัจจุบันที่ใช้งบอยู่ระหว่าง 30-50 ล้านบาท
ด้านการเติบโตของตลาดแอร์ในครึ่งปีหลังนี้บริษัทคาดว่า ตลาดจะค่อนข้างนิ่งเนื่องจากเป็นช่วงโลว์ซีซั่นสำหรับแอร์ แต่เมื่อรวมตัวเลขตลอดทั้งปีจะมีการเติบโต 5% เนื่องจากการเติบโตที่สูงในครึ่งปีแรก ทั้งนี้อัตราการเติบโตนี้ถือว่า เท่ากับช่วงก่อนน้ำท่วม
อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้าที่จะมีการเติบโต 30-50% จากการตั้งบริษัทร่วม ทุนในครั้งนี้ พร้อมทั้งก้าวขึ้นเป็นผู้เล่น 1 ใน 5 อันดับแรกของตลาดแอร์สำหรับที่พักอาศัยให้ได้ภายในเวลา 5 ปี