“โอ้โห บายปูนิ่ม” คัมแบ็ก เปิดแผนปี 60 ส่ง “ JPN โซเชียลคอมเมิร์ส” เสิร์ฟธุรกิจขายสินค้าออนไลน์

วันศุกร์ที่ 07 เมษายน พ.ศ. 2560

“โอ้โห บายปูนิ่ม”  คัมแบ็ก เปิดแผนปี 60  ส่ง “ JPN โซเชียลคอมเมิร์ส” เสิร์ฟธุรกิจขายสินค้าออนไลน์


“โอ้โห บายปูนิ่ม” ทุ่ม 200 กว่าล้าน สร้างสำนักงานใหญ่คลังกระจายสินค้า จ. พิษณุโลก พร้อมลงทุนระบบไอที เปิดตัวบริการโซเชียลคอมเมิร์ส แพลตฟอร์ม  ภายใต้ชื่อ “เจพีเอ็น มาร์เก็ตติ้ง” ให้บริการด้านการตลาดออนไลน์ครบวงจร เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าออนไลน์หวังดันแบรนด์ ดันยอดขาย ผ่านยุคสื่อโซเชียลบูม อีกทั้งเตรียมเข็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนักอีก 20 แบรนด์  ลุยตลาดกระตุ้นกำลังซื้อผู้บริโภค คาดดันยอดสิ้นปีรายได้เหยียบ 1500 ล้านบาท 

ถ้าย้อนไปราวประมาณ 3 ปี ก่อนเชื่อว่าคงมีหลายคนได้ยินข่าวเกี่ยวกับ บริษัท โอ้โห บายปูนิ่ม เดิมชื่อโอ้โหสลิมพลัส ดำเนินธุรกิจจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบนสื่อสังคมออนไลน์ตั้งแต่ปี 2555 และเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งปลายปี 2557 ธุรกิจต้องสะดุดลงจากการเข้าตรวจสอบจากภาครัฐทำให้ต้องยกเลิกการจำหน่ายสินค้าเก่าทั้งหมด และแสดงความรับผิดชอบโดยการคืนเงินแก่ผู้บริโภคจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ยังไม่มีการฟ้องร้องดำเนินคดีแต่อย่างใดเพราะ โอ้โหฯ เป็นผู้จำหน่าย มิใช่ผู้ผลิตสินค้าตามที่ตกเป็นข่าว

แต่เนื่องจากผลกระทบต่อภาพลักษณ์และชื่อเสียงอย่างรุนแรงในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ จึงกำหนดนโยบาย “รับผิดชอบลูกค้า มุ่งแก้ไขข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น” และกลับเข้าสู่ธุรกิจด้วยมาตรฐานที่สูงกว่าเดิม ได้แก่การตรวจหาสารต้องห้ามโดยสถาบันของภาครัฐไม่น้อยกว่า3 แห่งและมีการรับประกันผลกระทบต่อชีวิตและสุขภาพสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมในวงเงิน 10 ล้านบาทจากบริษัทประกันภัย และ ล่าสุด ได้ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท ลงทุนก่อสร้างสำนักงานใหญ่ของบริษัท โอ้โห บายปูนิ่ม จำกัด ใน จังหวัดพิษณุโลก เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จของบริษัทที่สามารถดำเนินธุรกิจมาอย่างยาวนาน  ซึ่งปัจจุบันมีพนักงานกว่า 400 ชีวิต มีฐานลูกค้าไม่น้อยกว่า 4 ล้านคนทั่วประเทศ และลูกค้าบางส่วนในประเทศเพื่อนบ้านกลุ่ม CLMV  มีผู้ติดตาม Fanpage กว่า 1.6 ล้านคน และสามารถสร้างยอดขายได้ “วันละ”2-8 ล้านบาท

                นางสาวศิรินทรา เส็งสิน ประธาน  บริษัท โอ้โห บายปูนิ่ม จำกัด และ บริษัท  โอ้โหคอร์ปอเรชั่น จำกัด  กล่าวว่า  สำหรับภาพรวมธุรกิจของบริษัทปีที่ผ่านมาเราพยายามจะทำให้รายได้ให้ได้ตามเป้าที่วางไว้ที่ 3000 ล้านบาท แต่ด้วยเนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยดีนัก ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงจากการใช้จ่ายซื้อสินค้าต่อครั้งราว 3000 บาท ลดลงเหลือ 1000 บาท ด้วยเหตุนี้เองทำให้ปีที่ผ่านมาบริษัทไม่สามารถดันได้รายได้รวมไปได้ตามเป้าที่วางไว้ ซึ่งสามารถทำได้ราว 1,000 กว่าล้านบาท  สำหรับปีนี้เองบริษัทมองว่าภาพรวมสภาวะเศรษฐกิจไทยยังไม่น่าจะดีขึ้นเท่าไหร่หนัก  เพราะสังเกตได้จากลูกค้ายังชะลอการซื้อสินค้าอยู่  โดยดูได้จากในช่วงไตรมาสแรกบริษัทของบริษัทโตเพียง 3-4 %  น้อยกว่าไตรมาสแรกกว่าปีที่ผ่านมา  ส่งผลให้สำหรับปีนี้บริษัทได้วางแผนการตลาดในส่วนของสินค้าภายใต้แบรนด์ โอ้โห บายปูนิ่ม ในการเตรียมออกสินค้าในไลน์ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนักอีกประมาณ 20 แบรนด์ ทยอยเปิดตัวขายผ่านช่องทางออนไลน์ของตนเองเดือนละ 3-5 แบรนด์ จนครบภายในสิ้นปีนี้  โดยตั้งเป้ายอดขายต่อแบรนด์ประมาณ 3-5 ล้านบาท  ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัท  โอ้โห บายปูนิ่ม มีสัดส่วนยอดขายแบ่งเป็นจากสินค้าหลักคือผลิตภัณฑ์อาหารเสริมลดน้ำหนัก 70 %  รองลงมา เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณ 10 %  เมคอัพ 10 % และอื่น ๆ อีก 10 % โดยปีนี้ตั้งเป้ารายได้จากบริษัท โอ้โห บายปูนิ่ม ไว้ราว1,000-1,500 ล้านบาท

ทั้งนี้  จากการที่เรามีประสบการณ์ในการขายสินค้าออนไลน์มากว่า  7  ปี  ของบริษัท โอ้โห บายปูนิ่ม จนได้รับการจัดให้เป็นอันดับ 1 ของเฟซบุ๊คประเทศไทยในกลุ่มบิวตี้(Socialbaker.com:2015) ทำให้บริษัทมีความพร้อมที่จะเปิดให้บริการสนับสนุนด้านการตลาดแก่พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ในประเทศไทย ซึ่งคาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 2 แสนราย ให้สามารถทำการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ จึงได้จดทะเบียนบริษัทใหม่ขึ้นมาในนาม บริษัท  โอ้โหคอร์ปอเรชั่น  เปิดตัวบริการโซเชียลคอมเมิร์ส แพลตฟอร์ม ภายใต้ชื่อ “เจพีเอ็น มาร์เก็ตติ้ง” ให้บริการด้านการตลาดออนไลน์ครบวงจร เจาะกลุ่มเป้าหมายผู้ประกอบการจำหน่ายสินค้าออนไลน์  โดยลักษณะบริการโซเชียลคอมเมิร์ส แพลตฟอร์ม คือ “ระบบรองรับการขายสินค้าออนไลน์”ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่การตรวจสอบแผนธุรกิจออนไลน์ของผลิตภัณฑ์ การยิงโฆษณาแบบเจาะกลุ่มเป้าหมายบนเฟซบุ๊คบริการแอดมินกว่า 200 คนตอบคำถามลูกค้าและปิดการขายให้ มีบริการระบบไอทีเพื่อติดตามยอดขาย ควบคุมสินค้าคงคลัง และประมาณการแนวโน้มการจำหน่าย บริการด้านแพ็คกิ้ง และที่สำคัญที่สุดคือการจัดส่งสินค้าผ่านศูนย์กระจายสินค้าที่ตั้งอยู่ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ 5 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งจะทำให้สินค้าถึงมือผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งบริษัทเพิ่งได้เปิดให้บริการระบบนี้ไปเมื่อปลายปีที่แล้วขณะนี้มีผู้ประกอบการขายสินค้าออนไลน์มาใช้บริการ เจพีเอ็น มาร์เก็ตติ้งแล้วกว่า 100 ราย และกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาใช้บริการอีกไม่น้อยกว่า 200 ราย โดยส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจเกี่ยวปับความงามกว่า 60 % และอีก 40 % เป็นธุรกิจอื่น ๆทั่วไป ซึ่งเราคาดการณ์กลยุทธ์ดังกล่าวจะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ถึง 5 พันล้านบาท ต่อปี

“ การเปิดธุรกิจให้บริการแพลตฟอร์มตัวนี้ เพราะเรารู้ว่าการจะประสบความสำเร็จบนโลกออนไลน์ได้นั้น ต้องมีระบบหลังบ้านที่ดี เราจึงลงทุนระบบไอทีในส่วนนี้ไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท จนกระทั่งมีความพร้อมสามารถเปิดให้บริการได้ลักษณะ Start up ตัวใหม่ล่าสุด ที่เชื่อได้ว่า เป็นรายแรกที่ให้บริการได้อย่างครบวงจรที่สุดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ธุรกิจในกลุ่มของโอ้โห เราได้มีการเช่าใช้พื้นที่ของศูนย์ไปรษณีย์ 5 แห่ง คือ นครราชสีมา พิษณุโลก ศรีราชา ทุ่งสง และแจ้งวัฒนะ เป็นศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งทำให้สามารถส่งสินค้าถึงมือผู้รับได้ภายใน 1 วัน และขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนปฏิบัติการให้สามารถจัดส่งสินค้าได้ภายใน 2 ชั่วโมง และในปีนี้ตั้งเป้าว่าจะสามารถขยายศูนย์กระจายสินค้าได้ทั่วประเทศราว 70 จุด และอนาคตถ้าระบบทุกอย่างรันไปได้ตามที่วางแผนไว้คาดว่าน่าจะเป็น 2000 จุดทั่วประเทศไทย ” นางสาวศิรินทรา กล่าวทิ้งท้าย

 

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ