“ลีสซิ่งไทย”ปึ้ก!บุกเอเชียลุยยุโรปยันแอฟริกา

วันพฤหัสบดีที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2560

“ลีสซิ่งไทย”ปึ้ก!บุกเอเชียลุยยุโรปยันแอฟริกา



          บริษัทลีสซิ่งไทย สยายปีกรุกปักธงต่างประเทศ GLประกาศแผนงานขยายธุรกิจครั้งใหญ่ในปี 2560 ตั้งเป้ามุ่งสู่บริษัทระดับโลก จากปัจจุบันที่มีเครือข่ายธุรกิจใน 7 ประเทศในเอเชีย รุกเจาะตลาดใหม่อีก 13 ประเทศในทวีปแอฟริกาและกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันออก รวมเป็น 20 ประเทศทั่วโลกภายในสิ้นปีนี้ด้าน ฐิติกร วางเป้าธุรกิจ 5ปีรุกต่างประเทศขยายอาเซียนศึกษาเพิ่ม 2ประเทศ ดันพอร์ตสินเชื่อต่างประเทศแตะ 50% ภายในปีนี้ 


          นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL ผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในภูมิภาคเอเชีย กล่าวชี้แจงว่า โมเดลธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ของ GL สามารถนำไปใช้ได้ในทุกประเทศ ดังนั้นจึงสามารถรุกขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว โดยนายมิทซึจิเพิ่งเดินทางกลับจากการไปสำรวจตลาดในประเทศแอฟริกาใต้ (South Africa) ซึ่งเขามีความประทับใจมากว่าเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างมาก คล้ายกับอีกหลายประเทศในทวีปแอฟริกาตลอดจนเศรษฐกิจเกิดใหม่ซึ่งมีอัตราการขยายตัวที่รวดเร็วในกลุ่มประเทศยุโรปตะวันออก
จากฐานธุรกิจหลักในประเทศไทย GLได้รุกขยายธุรกิจไปยังอีก 6 ประเทศในทวีปเอเชีย ประกอบด้วย สิงคโปร์ กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมาอินโดนีเซียและล่าสุดคือประเทศศรีลังกา นายมิทซึจิกล่าวว่า เป้าหมายหลักในปีใหม่นี้คือการรุกขยายธุรกิจสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคของ GL (Consumer finance) ผสมกับระบบไอทีที่มีประสิทธิภาพสูงไปยังอีก 13 ประเทศในทวีปแอฟริกาและยุโรปตะวันออก ซึ่งจะทำให้ GL มีเครือข่ายธุรกิจครอบคลุม 20 ประเทศทั่วโลก
          ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท GL ภายใต้การบริหารจัดการของนายมิทซึจินับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างดียิ่ง โดยเฉพาะจากการขยายธุรกิจจากประเทศไทยไปสู่กลุ่มประเทศในอาเซียน โดยโมเดลธุรกิจซึ่งอาศัยแพลตฟอร์มดิจิทัลไฟแนนซ์ที่มีประสิทธิภาพสูง แต่ต้นทุนต่ำสามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยกำไรสุทธิ 260.41 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3 ของปี 2559 นับเป็นกำไรรายไตรมาสสูงสุดต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 ซึ่งทำให้ยอดกำไรสุทธิรวม 9 เดือนของปี 2559 เพิ่มสูงขึ้นเป็น 738 ล้านบาท โดยผู้บริหารของบริษัท แสดงความมั่นใจว่ากำไรสุทธิรายไตรมาสจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ได้อย่างต่อเนื่องต่อไป
          ในการประชุมสมัยวิสามัญเมื่อต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ผู้ถือหุ้นของ GL ได้ให้ความเห็นชอบต่อแผนงานของบริษัท ในการเข้าซื้อหุ้น 29.99% ของบริษัท Commercial Credit & Finance PLC (CCF) ซึ่งเป็นบริษัทไฟแนนซ์ที่มีผลประกอบการดีมากและจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศศรีลังกา และการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ BG Microfinance Myanmar (BGMM) ซึ่งเป็นบริษัทไมโครไฟแนนซ์ในเมียนมาโดยการเข้าซื้อกิจการเหล่านี้ตลอดจนการรุกขยายธุรกิจเข้าสู่ประเทศอินโดนีเซียซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในอาเซียน ที่มีประชากรมากกว่า 250 ล้านคนถือเป็นส่วนสำคัญของยุทธศาสตร์การขยายธุรกิจเชิงรุก ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของ GLอธิบายว่าเป็นการ ‘รุกทะยานครั้งใหญ่’ (Great Leap Forward) โดยองค์ประกอบสำคัญคือการเติบโตจากธุรกิจเดิม (Organic growth) ควบคู่กับการควบรวมกิจการ เช่น ในกรณี CCF และ BGMM
          ผู้บริหารของบริษัท แสดงความมั่นใจว่า การเข้าซื้อหุ้นใน CCFนั้น จะมีนัยสำคัญต่อผลประกอบการของกลุ่ม GLเนื่องจาก CCFเป็นบริษัทที่มีการบริหารจัดการที่ดีและมีผลกำไรเป็นที่น่าประทับใจ โดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2559 อยู่ที่ 22 ล้านเหรียญสหรัฐและคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 30 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ จากการที่ GL เข้าซื้อหุ้น 29.99% ของ CCF ทำให้สามารถเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก CCF ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2559  โดยกลุ่มบริษัท GL นับว่ามีความแตกต่างจากบริษัทไฟแนนซ์ทั่วไป เนื่องจากบริษัทไฟแนนซ์ทั่วไปมักจะให้ความสำคัญกับลูกค้าในเมืองหลวงใหญ่ๆ หรือเขตเมืองที่พัฒนาแล้ว ในขณะที่กลุ่ม GL พุ่งเป้าไปสู่ประชาชนส่วนใหญ่ในระดับรากหญ้าซึ่งมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมุ่งเน้นให้สินเชื่อรูปแบบต่างๆ เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตตลอดจนให้สินเชื่อกับกลุ่มผู้ประกอบการ SMEs เพื่อช่วยเกื้อหนุนการประกอบธุรกิจ
          ขณะที่ นางสาวปฐมา พรประภา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) หรือ TK เปิดเผยว่า ทิศทางของบริษัทภายในระยะเวลา 5 ปีนี้ (ปี 59-63)จะมุ่งเน้นการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะแถบอาเซียน ซึ่งยังคงอยู่ในธุรกิจปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ หลังจากที่บริษัทขยายธุรกิจไปใน 2 ประเทศแล้ว คือ กัมพูชา และลาว ขณะที่ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาดูจังหวะและโอกาสที่เหมาะสมในการขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในอาเซียน ซึ่งศึกษาอยู่อีก 2 ประเทศ โดยรูปแบบการเข้าไปลงทุนธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และรถจักรยานยนต์ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งการลงทุนเอง การร่วมทุน หรือการเข้าซื้อกิจการ แต่การตัดสินใจขึ้นอยู่กับโอกาสและจังหวะเวลาที่เหมาสม
          ทั้งนี้ การที่บริษัทพยายามหาโอกาสเข้าไปรุกตลาดในประเทศใหม่ๆ นั้น เพื่อไปสู่เป้าหมายการเพิ่มสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศเป็น 50% ภายในปี 63 จากปัจจุบันมีสัดส่วนราว 2-3% เพื่อขยายธุรกิจให้เติบโตมากขึ้น เพราะตลาดสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และจักรยานยนต์ในประเทศไทยในอนาคตอาจจะเติบโตได้อีกไม่มาก หลังจากขยายตัวไปมากแล้วในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทต้องมองหาประเทศใหม่ๆ ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะในแง่ของจำนวนประชากรที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นค่อนข้างสูง ประชากรมีรายได้ไม่สูงมาก ยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์เติบโตได้ดี และเป็นประเทศที่มีอากาศอบอุ่น ซึ่งประเทศในแถบอาเซียนตอบโจทย์การขยายธุรกิจของบริษัท
          ส่วนแผนงานในปี 2560 บริษัทตั้งเป้าพอร์ตสินเชื่อเติบโต 5% จากการมองภาพรวมของเศรษฐกิจไทยจะกลับมาสดใสขึ้น ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากการลงทุนภาครัฐที่จะเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทย อีกทั้งภัยแล้งกลับสู่ภาวะปกติส่งผลให้เกษตรกรสามารถเพาะปลูกได้ และราคาสินค้าเกษตรที่มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นจะช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น รวมถึงมาตรการการช่วยเหลือประชากรผู้มีรายได้น้อยจะส่งผลให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น แนวโน้มของยอดขายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในประเทศคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการชะลอตัวลงไปบ้าง ซึ่งปัจจัยดังกล่าวเป็นผลบวกต่อการปล่อยสินเชื่อของบริษัท
          นางสาวปฐมา กล่าวต่อว่า ในปีนี้บริษัทคาดว่าพอร์ตสินเชื่อรวมจะเติบโตได้ 8% หรือมาอยู่ที่ 7.5 พันล้านบาท โดยสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทแบ่งเป็น พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์มากที่สุดที่ 90% และพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ที่ 10% และคาดว่าสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อรวมของบริษัทในปี 60 จะยังคงอยู่ในระดับดังกล่าว สำหรับสัดส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปี 60 ลูกหนี้ที่ค้างชำระเกิน 90 วัน บริษัทจะพยายามรักษาให้อยู่ในระดับกว่า 4% จากสิ้นปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ราว 4.9% ใกล้เคียงกับระดับ NPL สิ้นไตรมาส 3/59 โดยอัตราการตั้งสำรองของบริษัทยังงอยู่ในระดับสูงที่ 130% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่ทำให้บริษัทยังมีความแข็งแกร่ง
          ด้านการลงทุนในปี 2560 บริษัทจะใช้เงินลงทุนเพื่อขยายสาขาทั้งในประเทศและในกัมพูชาอีก 5-7 สาขา เงินลงทุนสาขาละ 3-4 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นขยายสาขาในประเทศ 3-4 สาขา จากปัจจุบันมี 88 สาขา และขยายสาขาในกัมพูชาอีก 3 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 3 สาขา และใช้เงินในการปรับปรุงคุณภาพการทำงานต่างๆทั้งในประเทศไทย กัมพูชา และลาวอีกจำนวนหนึ่ง
         "การขยายไปต่างประเทศ จะส่งผลดีต่อ TKในระยะยาวเพราะตลาดประเทศเพื่อนบ้านมีการเติบโตสูง และช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา TK มีประสบการณ์ที่ดี เนื่องจาก 2 บริษัทลูกในราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เริ่มมีกำไรตั้งแต่ไตรมาส 2 ปี 2559 เป็นต้นมา อีกทั้งคุณภาพลูกหนี้ดีมากๆ ทำให้ TK มั่นใจที่จะขยายสาขาเพิ่มเติม" 
กลุ่มบริษัท ฐิติกร จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์รายใหญ่ของประเทศ ปัจจุบันมีพนักงาน กว่า 2,100 คน และมีสาขาบริการรวม 88 สาขา มีบริษัทลูกในประเทศ 4 บริษัท และต่างประเทศ 2 บริษัท คือในราชอาณาจักรกัมพูชา และสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ให้บริการลูกค้าเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ทั่วประเทศ โดยมีลูกค้าประมาณ 300,000 ราย
++++++++++++++++++++++

 



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ