“ของขวัญ-ของชำร่วย” คึกคัก ค้าปลีกได้ทีอัดโปรโมชั่นเดือด

วันพุธที่ 04 มกราคม พ.ศ. 2560

“ของขวัญ-ของชำร่วย” คึกคัก ค้าปลีกได้ทีอัดโปรโมชั่นเดือด


         

          นายจิรบูลย์ วิทยสิงห์ นายกสมาคมของขวัญของชำร่วยไทย และของตกแต่งบ้าน กล่าวว่า เนื่องจาก 2 ปีที่ผ่านมา ตัวเลขของการส่งออกมีจำนวนลดลง เหตุจากสภาวะทางเศรษฐกิจถดถอย ทำให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไป หยุดการจับจ่ายเงิน และเน้นซื้อสิ่งที่จำเป็น  ส่งผลให้ในเดือนก.ค.2559 ติดลบ 3% แต่ในเดือนส.ค.และก.ย.2559 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น และในไตรมาส 4/2559 คาดว่าตัวเลขจะสามารถกลับมาเป็นบวกได้ที่ 2% โดยมีปัจจัยดังนี้คือ การฟื้นตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่คาดว่าจะโตถึง 22% ทำให้สินค้าประเภทของที่ระลึกเติบโตตามไปด้วยและกลุ่มดิสนีย์ยังคงสั่งซื้อสินค้าของที่ระลึกจากประเทศไทยเพื่อจำหน่ายในแต่ละสาขาทั่วโลก เป็นเวลาต่อเนื่องกว่า 2 ปี

          อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักในการส่งออกสินค้าของบ้านเราจะอยู่ที่สหรัฐอเมริกาค่อนข้างเยอะ เพราะฉะนั้นมูลค่าการส่งออกของเราจะรวมในกลุ่มอุตสาหกรรมที่เรียกว่ากลุ่มอุตสาหกรรมไลฟ์สไตล์ ซึ่งกลุ่มนี้จะมีของขวัญ ของชำร่วย ของตกแต่งบ้าน เคหะสิ่งทอ เครื่องใช้ในครัวเรือน และเฟอนิเจอร์ ทั้งหมดในกลุ่มนี้เราเรียกว่าไลฟ์สไตล์โปรดักต์ อีกทั้งเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เรามีกลุ่มที่มาร่วมกับเรา คือ กลุ่มของดิสนีย์ โดยผ่านโตเกียวดิสนีย์แลนด์ โตเกียวดิสนีย์แลนด์ไม่เพียงแต่ซื้อสินค้าสำหรับดิสนีย์แลนด์ที่โตเกียวอย่างเดียว แต่เค้าคือคนที่หาสินค้าให้กับดิสนีย์แลนด์ทั่วโลก ซึ่งปีนี้ดิสนีย์ก็ตั้งใจจะมาซื้อสินค้าที่ระลึกบ้านเราถึง  1 หมื่นล้านบาท โดยดิสนีย์มีเหตุผลว่าจะลดการซื้อในจีน ด้วยเหตุของเรื่องราคาที่สูงขึ้นเท่าตัว พร้อมกันนั้นคุณภาพก็ลดลง เหตุนี้จะทำให้สามารถเพิ่มการส่งออกได้มากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ที่เราใช้นั้น เราจะใช้กลยุทธ์หรือแนวทางในการไปต่างประเทศในตลาดเดียวกัน ในการทำการตลาดที่อยู่ในพื้นที่เดียวกัน

          ทั้งนี้ สำหรับตลาดมองการตลาดของขวัญของชำร่วยไทย และของตกแต่งบ้านในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มีแนวโน้มเติบโตดีขึ้นราวประมาณ  2% โดยสินค้าที่จะมาแรง และได้รับความนิยมมากที่สุด คือ สินค้าสปา และสินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ ซึ่งสินค้าเหล่านี้ ได้รับความนิยมจากกลุ่มนักท่องเที่ยว ทำให้ยอดขายภายในประเทศมีการเติบโตมากขึ้น และตลาดใหม่นั่นมองว่าน่าจะเป็นตลาดกลุ่มสัตว์เลี้ยง ที่มีตัวเลขในการส่งออกเยอะขึ้น ซึ่งจะเป็นในส่วนของเซ็ตปอกคอ เสื้อผ้าสัตว์ ที่ปัจจุบันคนนิยมซื้อมาให้กับสัตว์เลี้ยงหรือฝากเป็นของขวัญ ตอนนี้เราได้มองเห็นโอกาสที่จะพัฒนาสินค้าให้เป็นระดับพรีเมี่ยมมากขึ้นโดยการใช้เอกลักษณ์ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นเข้ามาเป็นจุดเด่น กลุ่มอุตสาหกรรมของขวัญของชำร่วยไทย เนื่องจากมีความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ ซึ่งขณะนี้สมาคมตั้งเป้าจะเป็นศูนย์กลางการพัฒนาของที่ระลึกของอาเซียนให้ได้

          และในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้เราได้อัดงบ 50 ล้าน จัดงาน ‘‘Thailand Bestbuys 2016’’ ภายใต้แนวคิดจัดงานให้เหมือนกับของขวัญอีกชั้นหนึ่ง เพื่อมอบให้กับผู้ที่มาร่วมเดินในงาน ได้พบกับของขวัญ ของชำร่วยที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เหมาะที่จะมอบให้กับคนพิเศษในช่วงส่งท้ายปี ซึ่งงานนี้ทางสมาคมคาดว่าจะมีเงินสะพัดโตไม่ต่ำกว่า 10% และมูลค่าตลาดรวมจะเพิ่มขึ้น 10% ณ ปัจจุบันพฤติกรรมของผู้บริโภคนิยมสั่งของทางออนไลน์มากขึ้น เราอยากให้ผู้บริโภคหันมาซื้อของทางออฟไลน์ เนื่องจากจะได้สัมผัสสินค้าจริง และไม่เกิดปัญหาภายหลัง โดยการจัดงานนี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้

         เราเชื่อว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ช่วงปลายปีนี้จะมีการใช้จ่ายที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง และคาดว่าการจัดงานในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับจากทั้งผู้ประกอบการที่จะมาร่วมออกบูธ และผู้ร่วมชมงานที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับการวางเป้าหมายสำหรับผู้ชมงานที่หลากหลายยิ่งขึ้น โดยขยายกลุ่มเป้าหมายไปยังนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทั้งยุโรป จีน รวมถึงชาวญี่ปุ่นที่พักอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้ออีกด้วย

          ด้าน นายชำนาญ เมธปรีชากุล รองประธานกรรมการบริหาร ด้านการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ในช่วงส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ 2560 เดอะมอลล์ กรุ๊ป หนึ่งในผู้นำกลุ่มธุรกิจค้าปลีก จัดแคมเปญ-กิจกรรม ที่ยังคงไว้ซึ่งบรรยากาศของการถวายอาลัย, การน้อมนำคำสอนจึงเชิญคนไทยรวมพลังมอบของขวัญปีใหม่ให้ประเทศไทย ร่วมสร้างปรากฏการณ์แห่งความดี “ร้อยดาวให้ครบล้าน” ตลอดจนการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่ผสมผสานกับนโยบายภาครัฐด้วยแคมเปญกระตุ้นการช็อปปิ้ง”

          โดยในเทศกาลปีใหม่นี้ ใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท โดยบรรยากาศภาพรวมทั้ง 3 ห้างฯ 3 ศูนย์การค้า รวมถึง บลูพอร์ต หัวหิน จัดขึ้นในแบบเรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งต้นคริสมาสต์ แต่ใช้แนวคิด “การเริ่มต้นปี การเริ่มต้นสิ่งที่ดี และการทำความดี” ภายใต้แคมเปญ LET’S GIVE GOOD ที่เริ่มตั้งแต่ธันวาคม 2559-4 มกราคม 2560 ซึ่งจะมีการสร้าง Good Star Pavilion ประดับไฟสีทองและสีเงิน เดอะมอลล์ทุกสาขา ดิ เอ็มควอเทียร์, ดิ เอ็มโพเรียมพารากอน ดีพาร์ทเม้นต์สโตร์ และบลูพอร์ต หัวหินโดยใช้ สีทอง และสีเงินในส่วน Good Star Pavilion จะสอดแทรกด้วยกิจกรรม GOOD STAR เชิญคนไทยรวมพลังมอบของขวัญปีใหม่ให้ประเทศไทย ในแนวคิด “จากหนึ่งเป็นร้อย จากร้อยเป็นล้าน” ด้วยการร่วมเขียนปณิธานความดี ลงบนดาว ซึ่งสามารถทำได้ทั้งรูปแบบออนไลน์ผ่าน Good Star Microsite ในเว็บไซต์ Themallgroup.com และออนกราวน์ที่ Good Star Pavilion เมื่อมีดาวครบตั้งแต่ 100 ดวง, 1,000 ดวง, 10,000 ดวง,100,000 ดวง และ 1,000,000 ดวง จะเกิดพลังความดีช่วยเหลือโครงการ มูลนิธิการกุศล ในรูปแบบต่างๆ เช่น จักรยานสำหรับเด็กในพื้นที่ทุรกันดาร, ขาเทียมสำหรับผู้ยากไร้, ห้องสมุดในโรงเรียนทุนกันดาร เป็นต้น  รวมถึงเมื่อดวงดาวครบ 1 ล้านดวง เดอะมอลล์ กรุ๊ป พันธมิตรทางธุรกิจ และคู่ค้าทุกราย ร่วมผนึกกำลังมอบเงินสมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนาอีก 10 ล้านบาท

          สำหรับสถานการณ์ปีใหม่ ปีนี้ว่าถึงแม้ในช่วงนี้ คนไทยยังอยู่ในช่วงถวายความอาลัย แต่ก็มีอารมณ์ของความตั้งใจ ความมุ่งมั่นในการทำความดี ซึ่งในด้านสังคมมองว่าจะเกิดพลังของสังคมในด้านบวกที่ดีขึ้นในขณะเดียวกัน ชีวิตยังต้องดำเนินต่อ การซื้อสินค้าในช่วงปีใหม่ เป็นสิ่งจำเป็น เป็นความต้องการจึงมองว่า น่าจะมีกำลังซื้อที่ดี โดยเฉพาะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐเข้ามาช่วยกระตุ้น 2 โครงการ คือ รวมใจ ช่วยไทย ลดรับ  ปีใหม่ และช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษี ซึ่งปีที่ผ่านมาสามารถเพิ่มยอดขายได้ถึง 20% สำหรับปีนี้ จึงไม่น่าต่างกันมาก โดยในส่วนเดอะมอลล์ กรุ๊ป คาดว่าจะมีเงินสะพัดในช่วงนี้ ประมาณ 6,000 ล้านบาท

           ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการตลาดและประชาสัมพันธ์ บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด กล่าวว่า “ในทุกๆ ปีของช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เราจะมีโปรเจกต์ใหญ่ คือ โปรเจกต์กระเช้าของขวัญปีใหม่ ซึ่งปีนี้มาในคอนเซปต์ Best Wishes Forever ที่สุดของการอวยพรที่จะให้ผู้รับสมความปรารถนาตลอดไป ให้พี่น้องชาวไทยส่งต่อความห่วงใยแก่กันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ในฐานะผู้นำแห่งกระเช้าปีใหม่ที่มีจุดเด่นในเรื่องของเอกลักษณ์อันโดดเด่น การออกแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ตั้งแต่รูปทรงของกระเช้า ดีไซน์การจัดวาง และผลิตภัณฑ์ คุณภาพที่แหวกแนว ไม่ซ้ำใคร แต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพ โดย ท็อปส์ มีแบบกระเช้าให้เลือกหลากหลายรูปแบบมากที่สุดกว่า 170 แบบ ทั้งกระเช้าสินค้า Grocery, กระเช้าผักผลไม้เพื่อสุขภาพ, กระเช้าออร์แกนิค, กระเช้าสินค้าชุมชน, กระเช้าสินค้าโอท็อป, กระเช้าข้าว ออร์แกนิค และกระเช้าข้าว specialty เพื่อสนองตอบความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกัน แต่ในปีนี้ ท็อปส์ ตระหนักถึงความสำคัญและยึดถือปฏิบัติในการบริหารธุรกิจควบคู่ไปกับการเป็นส่วนหนึ่งของสังคม มุ่งที่จะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับประเทศและช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชาวไทยทุกคน จึงต่อยอดแนวความคิดจากการจำหน่ายกระเช้าเหมือนทุกปีที่ผ่านมา แตกยอดออกเป็นโครงการดีๆ เพื่อสังคมได้แก่ โครงการ รับซื้อกระเช้าผักตบชวา โดยจะเข้าไปช่วยเหลือรับซื้อกระเช้าจากชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ เพื่อนำมาใช้บรรจุสินค้าวางจำหน่ายในช่วงปีใหม่  

           โดยราคากระเช้าของขวัญปีใหม่เริ่มต้นที่ 295-19,500 บาท บริษัทได้จัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขายแคมเปญกระเช้าปีใหม่ของ ท็อปส์ และเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ มอบสิทธิประโยชน์สามารถเลือกรับส่วนลดเงินสด หรือบัตรของขวัญรวมสูงสุด 35% และรับเครดิตเงินคืนเพิ่มสูงสุด 14% และยังเลือกผ่อนชำระง่าย 0% กับบัตรเครดิตที่ร่วมรายการได้อีกด้วย อยากชวนให้ทุกคนรวมใจเพื่อส่งต่อสิ่งดีๆ ให้สังคมกันค่ะ”

          “สำหรับภาพรวมธุรกิจกระเช้าของขวัญในปี 2558 ที่ผ่านมามีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหรือมีมูลค่าตลาด อยู่ที่ 2,450 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2557 ที่มีมูลค่าตลาดรวม 2,350 ล้านบาท ในปี 2558 ท็อปส์ ยังครองความเป็นผู้นำตลาดกระเช้าของขวัญปีใหม่มาอย่างต่อเนื่องด้วยส่วนแบ่งการตลาด 30% เมื่อเทียบกับปี 2557 และคาดว่าในปีนี้ ตลาดรวมกระเช้าปีใหม่ของ ท็อปส์ จะเติบโตจากปีที่แล้ว 20%”

           ปิดท้าย นางจิรนันท์ ผู้พัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลแฟมิลี่มาร์ท จำกัด กล่าวว่า “เทศกาลปีใหม่นี้แฟมิลี่มาร์ทจัดทำถุงผ้ารักษ์โลก Happy Bag บรรจุสินค้าขนมไทยและ แฟมิลี่มาร์ทคอลเล็กชั่นจำหน่ายให้กับลูกค้าเพื่อซื้อหาเป็นของขวัญในช่วงเทศกาลภายใต้คอนเซปต์ “Let’s Get Together” ในราคาเพียง 249 บาท โดยในปีที่ผ่านมาถุงผ้ารักษ์โลกของแฟมิลี่มาร์ทได้รับการตอบรับที่ดีมาก ปีนี้จึงมีการออกแบบใหม่โดยยังเน้นการนำกลับมาใช้ได้อีก โดยแฟมิลี่มาร์ทยังมีสินค้าร่วมรายการในเทศกาลปีใหม่อีกกว่า 100 รายการที่ครอบคลุมทั้งสินค้าอุปโภค บริโภค และสินค้าอาหารพร้อมทาน โดยในปีนี้ เราเพิ่มสินค้าคัพเค้กลวดลายต่างๆ เพื่อสร้างสีสันมากขึ้น วุ้นมินิแฟนซีซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีขนมสยามบานาน่าในหลายรสชาติ อาทิ รสทุเรียน รสกล้วยหอม ซึ่งเป็นนิยมอย่างมากสำหรับลูกค้าชาวต่างประเทศ รวมทั้งคุกกี้บรรจุขวดรสชาติต่างๆ อาทิ รสธัญพืช รสผลไม้รวมกาแฟ และคุกกี้ช็อกโกแลตขาเขียวจากญี่ปุ่นซึ่งบรรจุในแพ็กเกจสวยงามเหมาะเป็นของฝากในช่วงเทศกาลปีใหม่

           ทั้งนี้  แฟมิลี่มาร์ทจำหน่ายสินค้าที่มีความหลากหลาย อาทิ กระเช้าเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ กระเช้าสินค้าบริโภคที่ได้รับความนิยม เพื่อเป็นของกำนัลในเทศกาล อีกทั้งราคาของสินค้าและกระเช้าก็ยังไม่แตกต่างกันนัก เราจึงเชื่อว่าตลาดกระเช้าที่จำหน่ายที่ร้านสะดวกซื้อยังมีการเติบโตได้มาก โดยปีนี้แฟมิลี่มาร์ทคาดว่าจะขายกระเช้าปีใหม่ได้กว่า 10,000 กระเช้า หลังจากบรรยากาศการจับจ่ายเริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้งและการมอบกระเช้าเพื่อเป็นของขวัญก็เป็นธรรมเนียมที่ปฏิบัติติดต่อกันมาอย่างช้านานแล้วสำหรับคนไทย”

          “เทศกาลปีใหม่ปีนี้ มีการคาดการมูลค่าตลาดรวมกระเช้าปีใหม่จะสูงถึง 2.4 พันล้านบาท โดยราคาของกระเช้าที่ยังได้รับความนิยมต่อเนื่องจะเป็นกระเช้าขนาดเล็กที่มีมูลค่าต่ำกว่า 1,000 บาท โดยสินค้าที่เป็นที่นิยมมากอย่างต่อเนื่องจะเป็นเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพ ประเภทรังนกซุปไก่สกัด”



บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ