ยิ่งใกล้สิ้นปี ธุรกิจเครือข่ายขายตรง ยังมีเรื่องราวที่น่าสนใจและเป็นที่น่าจับตามองโดยเฉพาะจุดโฟกัสที่เป็นเป้าหมายหลัก กับการขยายตลาดเข้าสู่โลกออนไลน์ผ่านระบบโซเชียลเน็ตเวิร์คต่างๆ ที่กำลังเป็นช่องทางสร้างรายได้ยอดนิยม สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่หลากหลายขยายเป็นวงกว้างได้อย่างรวดเร็ว หลังวิวัฒนาการของเทคโนโลยีได้แทรกซึมเข้ามา จนเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญในการดำรงชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ไปแล้ว
เริ่มต้นที่ นายสมคิด ลวางกูร ประธานเจ้าหน้าบริหาร (CEO) บริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า สำหรับการเข้าร่วมงานกับบริษัท เพย์ออล กรุ๊ป จำกัด ธุรกิจเครือข่ายขายตรงในครั้งนี้ มีเหตุผลหลักคือการเข้ามาช่วยเหลือผู้คนในยุคปัจจุบัน และสามารถที่จะช่วยให้ธุรกิจเอสเอ็มอี (SMEs) ฟื้นคืนกลับสู่ความเฟื่องฟูอีกครั้งโดยบริษัทได้จดแจ้งขอเปลี่ยนชื่อและดำเนินธุรกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และในตอนนี้อยู่ระหว่างการจดแจ้งเปลี่ยนแปลงแผนในการดำเนินธุรกิจ เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายกำหนด
“ในอดีตการทำธุรกิจต้องมีหน้าร้านแต่ในอนาคตไม่จำเป็นแล้ว การทำธุรกิจจะพัฒนาเข้าสู่ยุค E-Business E-Commerce ในที่สุด และเพย์ออลมีการลงทุนในการทำแอพพลิเคชั่นกว่า 100 ล้านบาท เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในอนาคต โดยบริษัทได้ปรับแนวคิดของการทำธุรกิจให้โตทันโลก และสามารถแข่งขันกับคนทั้งโลกได้ เพย์ออลสร้างแอพพลิเคชั่นขึ้นทำหน้าที่เป็น E-Wallet E-Payment คือทุกคนสามารถจ่ายค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันผ่าน Application รองรับกับโมเดลของรัฐบาล Thailand 4.0 อีกด้วย
นายสุเทพ ยืนยงค์วิทยากุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท นิวไลฟ์ เวิลด์ไวด์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้เผยว่า ผลประกอบการในช่วง 6 เดือนแรกของบริษัท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมาถือว่ามียอดขายลดเล็กน้อย สืบเนื่องจากภัยแล้งในช่วงต้นปีที่ผ่านมาส่งผลกระทบอย่างหนักต่อภาคธุรกิจโดยรวม และส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงไปด้วย ทำให้ธุรกิจเครือข่ายต้องยอมรับสภาพ และต้องมีการปรับกลยุทธ์ ให้เยอะขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ บริษัทได้พัฒนาสื่อโซเชียล มีเดีย ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และ“นิวไลฟ์”เป็นเจ้าแรกที่ได้นำผลิตภัณฑ์โปรแกรมสอนภาษาเข้ามาจำหน่ายในระบบขายตรง เราจะต้องพัฒนาให้ลูกหลานของเราสามารถพูดภาษาต่างประเทศ ซึ่งโปรแกรมสอนภาษาใน 1 แพ็คเกจ จะประกอบไปด้วยเนื้อหามากกว่า 400 บท โดยทางผู้พัฒนาโปรแกรมการสอนภาษานี้ ได้รับการแต่งตั้งจากรัฐบาล และคาดว่าจะสามารถจำหน่ายโปรแกรมสอนภาษาดังกล่าวในเดือนแรกได้อย่างน้อย 1,000 ชุด และมั่นใจว่าในระยะเวลา 3 เดือนยอดจะขยับเป็น 5,000 ชุดต่อเดือน
ดร.กัมปนาท บุญราศี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอยรา แพลนเน็ต จำกัด ได้เผยว่า ปัจจุบันตลาดเสริมอาหารมีมูลค่ากว่า 2 หมื่นล้านบาท มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 7% เนื่องจากผู้บริโภคให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพและความงามเพิ่มมากขึ้นล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 10 ล้านบาท เพื่อเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่สารสกัดจากงาดำ “เอมมูร่า เอ็กซ์” (Aimmura X) พร้อมดึงนักแสดง ป๋อ-ณัฐวุฒิ สกิดใจ เป็นพรีเซ็นเตอร์ และประชาสัมพันธ์ พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ และการเดินสายโรดโชว์ตามหัวเมืองต่างๆ
สำหรับเป้าหมายของยอดขายสินค้าใหม่ ในปีนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายได้ 10% และทำรายได้รวม 600 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 30% และยังตั้งเป้าหมายรายได้ของเอมมูร่า เอ็กซ์ คิดเป็นสัดส่วน 60% ของตลาดอาหารเสริมในกลุ่มเซซามีนด้วย ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้าได้วางแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 30 แห่งตามหัวเมืองต่างๆ ภายใน 5 ปี ส่วนภายในปีนี้จะขยายสาขาที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ภูเก็ต และชลบุรี ด้วยงบการลงทุนรวม 150 ล้านบาท พร้อมขยายสู่ตลาดอาเซียนต่อไป พร้อมได้เพิ่มช่องทางจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ www.aiyara.co.th