Toggle navigation
วันศุกร์ ที่ 19 เมษายน 2567
หน้าแรก
ข่าวสาร
วิเคราะห์-บทความ-ต่างประเทศ
ประกัน
ยานยนต์
การเงิน-ธนาคาร
หุ้น-กองทุนรวม
อสังหาริมทรัพย์
พลังงาน-คมนาคม-โลจิสติกส์
อุตสาหกรรม-เออีซี-เอสเอมอี
ไอที
การศึกษา-กทม
การตลาด-ซีเอสอาร์
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
บันเทิง
ขายตรง
ประชาสัมพันธ์
กระบวนการยุติธรรม
PR NEWS -ข่าวประชาสัมพันธ์
ไลฟ์สไตล์
ท่องเที่ยว
แฟชั่นโซไซตี้-ดูดวง
ช๊อป-ชิม-ชิล
สุขภาพ-ความงาม
วิดีโอ-คลิปข่าว
ติดต่อเรา
สามารถส่งข้อมูล ข่าวสาร ทางอีเมลล์ : siamturakijonlinenews@gmail.com และ สำหรับฝ่ายโฆษณา ทางอีเมลล์ : siamturakijadvertising@gmail.com
หน้าแรก
เกษตรยุคใหม่-ภูมิภาค
“บุรีรัมย์” พลิกวิกฤตยาง เพิ่มมูลค่าสร้างรายได้
“บุรีรัมย์” พลิกวิกฤตยาง เพิ่มมูลค่าสร้างรายได้
วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2559
Tweet
ปัจจุบันการปลูกยางพาราในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จนทำให้ “ยางพารา” กลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ของเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราดีขึ้น เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เอื้ออำนวยและปริมาณน้ำฝนที่เพิ่มขึ้น ทำให้เกษตรกรได้ผลผลิตน้ำยางพาราปริมาณสูงขึ้น
โดยเฉพาะเกษตรกรในพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีพื้นที่ปลูกยางพารา ประมาณ 236,370 ไร่ สามารถให้ปริมาณผลผลิตน้ำยางประมาณ 48,974 ตัน ถือเป็นปริมาณผลผลิตน้ำยางพาราที่สูงมากกว่าพื้นที่ปลูกยางพาราจังหวัดอื่นในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นายสมปอง ชำนิจ ประธานกรรมการสหกรณ์กองทุนสวนยางโนนสุวรรณ จำกัด เปิดเผยว่า สหกรณ์กองทุนสวนยางโนนสุวรรณ จำกัด อยู่ในการควบคุมของสำนักงานสหกรณ์จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งเป็นสหกรณ์แห่งเดียวในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่รวบรวมน้ำยางดิบมาทำแผ่นรมควัน และจัดหาตลาดจำหน่ายอย่างครบวงจร ถือเป็นการยกระดับคุณภาพการผลิตยางพาราให้ได้มาตรฐาน และสามารถสร้างอำนาจต่อรองในตลาดยางพารากับบริษัทผู้รับซื้อโดยตรง ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มจากการปันผลเฉลี่ยคืนหลังจากขายน้ำยางสด ผ่านกระบวนการแปรรูปเป็นยางแผ่นแล้ว โดยเกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นสูงกว่าราคาตลาดกลางรับซื้อน้ำยางสดโดยตรงเฉลี่ย กิโลกรัมละ 4-5 บาท ที่สำคัญเกษตรกรไม่ต้องเสียเวลา ลดต้นทุนแรงงานผลิตยางแผ่น
นายธีธัช สุขสะอาด ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การยางแห่งประเทศไทยได้เข้าไปสนับสนุนและส่งเสริมการบริหารจัดการยางพาราอย่างเป็นระบบให้กับสหกรณ์กองทุนสวนยางโนนสุวรรณ จำกัด ซึ่งได้ขึ้นทะเบียนสถาบันเกษตรกรกับการยางแห่งประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งสหกรณ์แห่งนี้ได้รับการสนับสนุนการสร้างโรงอบและรมยาง จนพัฒนาอย่างต่อเนื่องถึงทุกวันนี้ โดยสหกรณ์ได้ขยายโรงรมและวัสดุอุปกรณ์ เช่น ตะกง จักรรีดยาง เพื่อรองรับผลผลิตจากเกษตรกร ด้วยที่ผ่านมามีผลผลิตเกินกำลังการผลิต จึงจำเป็นต้องขายผลผลิตในรูปแบบน้ำยางสดไปบางส่วน เพราะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่การเก็บโรงรับน้ำยางไม่เพียงพอ
นอกจากนี้ การยางแห่งประเทศไทยได้เข้าไปส่งเสริมและสนับสนุน “กลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มฐานเกษตรยางพารา” ซึ่งเป็นกลุ่มฐานเกษตรยางพาราที่สามารถผลิต "ยางเครพรมควัน" คุณภาพดี ที่สามารถย่นเวลาการรมควันทั้งยางแผ่นและยางเครพจาก 4-5 วัน เหลือเพียง 24-36 ชั่วโมงเท่านั้น และทำให้ยางพารา ไม่ขึ้นรา ไม่พอง และเสียรูปทรง ซึ่งเป็นการช่วยลดต้นทุนการผลิตของเกษตรกร จากเดิมต้นทุนอยู่ที่ 75-80 สตางค์/กิโลกรัม เหลือเพียง 16-31 สตางค์/กิโลกรัม เท่านั้น ปัจจุบันกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกลุ่มฐานเกษตรยางพาราสามารถผลิตยางเครพแห้ง 100% ได้เดือนละ 30 ตัน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
The Associated Press
ชัยภูมิจัดงาน “หาบน้ำเขื่อนฮดพระธาตุ” หน...
...
NEPS รุกทำตลาดต้นปี 67 ทุ่มงบกว่า 200 ลบ...
...
“สมาคมประกันวินาศภัยไทย ผนึก กรมส่งเสริม...
...
"เกษตรกร" พอใจ ปุ๋ยเปลือกไข่-มูลไก่-น้ำป...
...
"อีสท์ วอเตอร์" ไม่หวั่น! ส่งมอบทรัพย์สิ...
...
บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ
×
×
เว็บไซต์ “สยามธุรกิจ” ใช้คุกกี้เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น อ่านนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy) และ นโยบายคุกกี้ (Cookie Policy)
กดยอมรับ