Let's go..ตะลุยดูไบ(2)

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Let's go..ตะลุยดูไบ(2)


          ฉบับนี้เราก็ยังคงเดินหน้าตะลุยสำรวจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  ประเทศดูไบกันต่อโดย สถานที่ต่อไปที่ตะลุยสำรวจกันต่อคือ พิพิธภัณฑ์ดูไบ” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ทันสมัยที่สุดในตะวันออกกลาง เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่สำคัญพิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ด้านบนจะเป็นแบบจำลองกำแพงหินและกระท่อมแบบชาวพื้นเมืองเก่าๆ สำหรับด้านล่างหรือชั้นใต้ดินจะกว้างใหญ่และลึกลับซับซ้อนมากมีทั้งภาพวาดสีน้ำของดูไบในอดีต การจัดหุ่นนิ่งแสดงวิถีชีวิตของคนพื้นเมืองมีการจำลองบรรยากาศใต้ทะเลโดยใช้แสงสีจำลองทำให้เห็นภาพของชาวดูไบในอดีต  สำหรับประเทศนี้อย่างที่ทราบกันเป็นประเทศพื้นที่ทะเลทราย 95 %   ซึ่งพี่ไกด์บอกว่าปัจจุบันทางรัฐบาลดูไบต้องการสร้างประเทศให้เป็นเมืองท่องเที่ยวดังนั้นจึงมีนโยบายสร้างสรรค์ให้มีการออกแบบตึกทุกตึกภายในประเทศให้มีดีไซน์ ที่แตกต่าง แปลกใหม่ โดดเด่น มีลูกเล่นจากตึกทั่วไปในประเทศอื่น ๆ เพื่อสร้างเป็นจุดขายในการท่องเที่ยวของประเทศภายใต้ 3 เอส คือ  sun - sky - sea  อย่างเช่น  Buri al Arab โรงแรมสุดหรู 7 ดาว ก็ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปนี้

              

          ประเทศนี้ต้องบอกก่อนเลยว่าความจริงแล้วประเทศนี้มีประชากรคนบ้านเค้าจริง ๆ เพียง 17 % เท่านั้น นอกนั้นเป็นคนต่างชาติอีก 83 % ที่เข้ามาทำงานในประเทศแห่งนี้  เนื่องจากคนท้องถิ่นของประเทศนี้ส่วนใหญ่จะเป็นมหาเศรษฐีที่ทำธุรกิจ และประชากรส่วนอื่นจะทำอาชีพราชการเท่านั้น  ส่วนอาชีพอื่น ๆ อย่างเช่นงานบริการ ใช้แรงงาน เป็นต้น จะจ้างแรงงานต่างชาติเข้ามาทำ โดยทางรัฐจึงมีการส่งเสริมให้แรงงานต่างชาติมาทำงานโดยทางรัฐไม่มีการเก็บภาษีจากรายได้การทำงานแต่อย่างได  จึงทำให้มีคนจากหลายเชื้อชาตินิยมมาทำงานที่ประเทศดูไบจำนวนมาก แต่ทุกคนไม่ว่าจะทำงานที่ประเทศนี้นานแค่ไหนหรือได้แต่งงานกับคนที่นี่ก็ไม่สามารถได้สัญชาติที่นี่เช่นกัน สำหรับที่นี่จะทำงานวันอาทิตย์ – พฤหัส  จะหยุดวันศุกร์ เสาร์  ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่นๆ  และในส่วนของคนต่างชาติที่อยากเข้ามาทำธุรกิจที่นี่จะต้องหาพาสเนอเป็นคนท้องถิ่นที่นี่และเซ็นสัญญาว่าจะให้เงินเค้าเท่าไหร่ต่อปี แต่ถ้าอยากเป็นเจ้าของเองก็ต้องมาลงจดทะเบียนตรงฟรีโซนที่ว่าสามารถให้นักลงทุนต่างชาติมาลงทุนได้โดยมีการเซ็นสัญญากี่ปีก็แล้วแต่ตามเงื่อนไขที่ทางรัฐได้ตั้งไว้

          ต่อไปทางไกด์จึงได้พาเรานั่งข้ามฟาก ABRA RIDE  เพื่อสัมผัสวิถีชีวิตสองฝั่ง THE CREEK สู่ท่าเรือในการนำเราไปช้อปปิ้งยังตลาดทอง (GOLD SOUK) ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก ขายทุกอย่างที่เป็น JEWELRY เช่น อัญมณีต่าง ๆ ร้านทองมากมายกว่าร้อยร้านให้ท่านได้เลือกซื้อหา จนลายตา พร้อมเยี่ยมชมตลาดเครื่องเทศ ที่นำเครื่องเทศหลากหลายชนิดจากทั่วทุกมุมโลก จำพวกไม้หอม อบเชย ถั่ว กระวานกานพลูและถั่วร้อยแปดชนิดจากทุกที่ในตะวันออกกลางมากมาย การเดินช้อปปิ้งตลาดนี้ควรกันไปเป็นหมู่คณะมากกว่าเดินคนเดียวเพราะอาจจะรู้สึกหวาดกลัวพอสมควรเนื่องจากจะโดนแขกรุม ทึ้ง ดึงเราไปให้ดูของซื้อของร้านเค้า  หลังจากช๊อปปิ้ง ต่อรองสินค้ากันอย่างเมามันเรียบร้อย   ไฮไลน์ต่อไปที่ถ้าใครมาเที่ยวดูไบแล้วถ้าพลาดการทัวร์ทะเลทราย โดยรถ 4 WD (รถขับเคลื่อน 4ล้อ) แล้วถือว่ามาเหมือนมาไม่ถึงประเทศนี้กันเชียวหละ และก่อนที่เราจะไปตะลุยทะเลทรายกันต้องเตรียมตัวนำผ้าคลุม หมวก แว่นตา หรือเสื้อแจ็คแก็ต เพื่อป้องกันแดด กันลม ท่ามกลางทะเลทราย ที่มีลมแรง และอากาศอันร้อนระอุ  พร้อมกล้องถ่ายรูป โดยรถ 1 คัน  สามารถนั่งได้ 6 คน สำหรับคนที่ขับรถพานักท่องเที่ยวทัวร์ทะเลทรายได้นั้นไม่ใช่ว่าใครที่ขับรถเป็นแล้วจะสามารถขับได้นะคะ เพราะคนขับแต่ละคนจะต้องได้รับการสอบใบขับขี่ในการขับรถบนทะเลทรายผ่านเท่านั้นถึงจะสามารถมาทำอาชีพนี้ได้  ซึ่งต้องบอกเลยว่าการได้นั่งรถตะลุยทะเลทรายครั้งนี้ สนุกสนาน และตื่นเต้น เหมือนเล่นเครื่องเล่นที่สวนสนุก เพราะการขับรถบนเนินทะเลทราย ที่มีทั้งสูงและต่ำสลับกันไป ท้าทายและหวาดเสียวมาก ๆ  แต่ไม่มีอันตราย พร้อมกันนี้คนขับได้พาเราไปจอดรถจุดชมวิว พระอาทิตย์ตกดิน บนเนินทราย ที่มีความสวยงามอย่างมาก จากนั้นไปจุดสุดท้ายของ ทริปวันนี้พักผ่อนในแคมป์กระโจมแบบอาหรับ ที่ภายบริเวณแคมป์ สามารถขี่อูฐได้ฟรี  และมีกิจกรรมมากมาย เช่น HENNA TATTOO  ศิลปะการเพนท์ลวดลายแบบอาหรับ, SHI SHA เครื่องสูบบารากุแบบชาวอาหรับ กลิ่นผลไม้ , GALA BAYA  แต่งกายพื้นเมืองแบบชาวอาหรับ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก  พร้อมชิมอาหาร  จิบชา และกาแฟ สไตล์อาหรับ กับเบาะที่นั่งบนพื้นพรหมกลางทะเลทราย ร่วมกับชมโชว์การแสดงแบบอาหรับ ดังนี้ ชมระบำหน้าท้อง ศิลปะโชว์จาก...สาวชาวอาหรับ , ชมระบำกระโปรง  ประดับไฟสวยงาม และโชว์ ชายหนุ่มลีลาศิลปะการควงพรมแบบอาหรับ  เป็นต้น

          เข้าสู่วันสุดท้ายที่ในการสำรวจประเทศดูไบกัน  ซึ่งวันนี้เราทั้งคณะจะเดินทางไปอาบูดาบี  โดยใช้เวลา 2 ชม. ในการเข้าชม  สุเหร่าหลวง Grand Mosque ที่งดงามที่สุดประจำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  มีความใหญ่โตเป็นอันดับ 3 ของตะวันออกกลาง และเป็นอันดับ 8 ของโลก ที่ท่าน Sheikh สร้างไว้ก่อนท่านจะสวรรคต ใช้ระยะเวลาก่อสร้างรวมทั้งหมด 10 ปี ซึ่งไกด์บอกว่าประชากรคนประเทศนี้ส่วนใหญ่นับถือนิกายสุณี ศาสนาอิสลาม โดยการเข้าเที่ยวชมมัสยิดนี้ต้องแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย ห้ามสวมกางเกงขาสั้นหรือเสื้อกล้าม ทั้งผู้ชายและผู้หญิง โดยเฉพาผู้หญิงต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่มีความยาวคลุมถึงระดับข้อมือ และข้อเท้า ปกปิดไหล่ และทรวงอกให้มิดชิด ผู้หญิงจะต้องมีผ้าคลุมผม และต้องถอดรองเท้าก่อนเข้ามัสยิด

           จากนั้นเราได้เดินทางมาเที่ยวยัง Ferrari World Abu Dhabi  สวนสนุกในร่มแห่งแรก และ ใหญ่ที่สุดในโลก ออกแบบมาได้อย่างโดดเด่น ด้วยสัญลักษณ์เฟอร์รารี่ขนาดใหญ่ บนหลังคาสี แดงสด มีขนาดครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมด 200,000 ตารางเมตร มีพื้นที่ในร่มให้ผู้เข้าชมได้  86,000 ตารางเมตร ขนาดใหญ่พอ ๆ กับ 7 สนามฟุตบอลเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าได้เข้าไปพักผ่อน เล่นเครื่องเล่นแปลกๆใหม่ ในแอร์เย็น ๆ ไม่ต้องตากแดดร้อน ๆ เหมือนสวนสนุกทั่ว ๆ ไป

            ปิดท้ายหลังจากที่ตนเองได้เดินทางไปสำรวจประเทศมหาเศรษฐีอย่าง “ประเทศดูไบ” พร้อมกับ บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) ระยะเวลาเพียง 4 วัน 3 คืน นอกจากได้รับรู้ข้อมูลดี  ๆ จากแอมเวย์แล้ว  ยังได้เปิดประสบการณ์ พร้อมได้ความรู้ใหม่ ๆ  จากประเทศแห่งนี้  พร้อมกับมิตรภาพอันงดงามจากพี่น้องสื่อมวลชนในทริปนี้  ซึ่งถือเป็นความประทับใจที่จะเก็บไว้ในความทรงจำไปอีกนานเท่านาน  

 

 

 




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ