Let's go..ตะลุยดูไบ(1)

วันพุธที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Let's go..ตะลุยดูไบ(1)


          ถ้าพูดย้อนไปช่วงเดือนมีนาคมของปี 59 ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ที่ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศต่างโศกเศร้าอย่างมาก ซึ่งตัวผู้เขียนเองก็เช่นกัน เพราะในวันที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องที่เศร้าต่อจิตใจอย่างหนัก เป็นวันที่ตนเองต้องมีภารกิจหน้าที่ที่วางแผนไว้ล่วงหน้ามาเป็นเดือน คือต้องเดินทางไปร่วมงาน กับทาง บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) ที่ได้เชิญพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชน จากหลายสำนักกว่า 10 สื่อ ไปร่วมงานสัมมนาความสำเร็จและแผนธุรกิจก้าวต่อไปของบริษัทภายใต้ “Healthy You, Beautiful You, Perfect You” พร้อมสำรวจประเทศที่เค้าร่ำลือกันว่าประเทศมหาเศรษฐีอย่าง สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศดูไบ ในวันที่จิตใจของทุกคนในทริปต่างระส่ำระสายและห่อเหี่ยว แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ด้วยความรักและเคารพที่มีต่อพ่อหลวงทุกคนในทริปต่างก็น้อมนำคำสอนสอนของท่านที่เคยกล่าวไว้ว่า เสียใจได้ แต่ต้องทำตามหน้าที่ นำมาปฏิบัติในการเดินหน้าทำภารกิจกันต่อไป

                         เราทั้งคณะได้ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งแน่นอนจะไปด้วยสายการบินอื่นใดไม่ได้นอกจากสายการบินชื่อดังของประเทศเค้า อย่าง สายการบินเอมิเรตส์แอร์ไลน์ ที่ได้รับเลือกให้เป็นสายการบินที่ดีที่สุดในโลกจาก 'สกายแทร็กซ์' ซึ่งเป็นครั้งแรกของผู้เขียนเช่นกันที่ได้นั่งสายการบินนี้ และไปประเทศนี้ และจากข้อมูลที่พอรู้มาบ้างนิดหน่อยสำหรับคนที่สนใจเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศดูไบ การเลือกเดินทางโดยสายบินดังกล่าวถือว่าสะดวกที่สุด เนื่องจากทางสายการบินจะทำเรื่องการขอวีซ่าเข้าประเทศให้ผู้โดยสารโดยอัตโนมัติถ้าเราเลือกใช้บริการ สำหรับการบริการภายในสายการบินนี้ถือว่าดีพอสมควร ภายในเครื่องมีที่นั่งสบายกว้าง ไม่ค่อยอึดอัด มีแอร์โฮสเตส สจ๊วต คอยให้บริการอยู่จำนวนมาก โดยส่วนใหญ่จะเป็นพนักงานจากหลายประเทศเลยก็ว่าได้ ไม่ใช้คนประเทศบ้านเค้าเพียงอย่างเดียว ซึ่งในแต่ละไฟลต์เราก็ได้พบแอร์โฮสเตสคนไทยอยู่ในเครื่องนี้ด้วย ซึ่งก็ไม่น่ากังวลสำหรับคนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ค่อยคล่อง สามารถเรียกใช้บริการแอร์โฮสเตสคนไทยได้เลย  ส่วนอาหารแต่ไฟลต์จะไม่เหมือนกันแต่เค้าจะมีเมนูบอกให้เราทราบว่าไฟลต์นี้มีอะไรบ้าง และแน่นอนไม่มีเมนูที่มีเนื้อหมูให้เรารับประทาน สำหรับระยะเวลาเดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศดูไบ ใช้เวลาประมาณ 6 ชม. 10 นาที และเวลาท้องถิ่นที่นั่นจะช้ากว่าบ้านเรา 3 ชม.

               

           ทั้งนี้ พอมาถึงต้องปรับเวลาให้เข้ากับบ้านเค้าก่อนอันดับแรก และอีกอย่างเรื่องสภาพอากาศไม่ต้องพูดถึง เรามาจากเมืองร้อนเหมือนกันอาจจะไม่ต้องปรับตัวอะไรมาก เพราะอย่างที่ทราบกันประเทศเค้าเป็นประเทศแถบทะเลทราย ย่อมร้อนอยู่แล้ว แต่พอได้สัมผัสจริงๆ ขอบอกเลยว่าร้อนกว่าประเทศไทยเรามาก เพราะบ้านเค้าจะร้อนแบบแห้ง ถึงแดดแผดเผากันเลยทีเดียว ดังนั้น ควรเตรียมพกครีมกันแดด SPF สูงๆ ไปเพื่อป้องกันผิวเราไม่ให้เสียได้ สำหรับทริปนี้ทางแอมเวย์ได้นำ บริษัท ลุกซ์ ทราเวล มาดูแลพวกเราในการเยี่ยมชมสำรวจประเทศดูไบ โดยไกด์ที่น่ารักอย่าง พี่จิ๋ว, พี่หนิ่ง ที่ดูแลพวกเราในทริปนี้อย่างดี  ซึ่งประเดิมพาเราไปแวะเยี่ยมชมถ่ายรูปชายหาด Jumeirah Beach ที่เค้าเป็นชายหาดตากอากาศที่สวยงดงามนิยมที่สุดของดูไบ พร้อมถ่ายรูปด้านนอกคู่กับ Buri al Arab โรงแรมสุดหรู 7 ดาว ที่สวยหรูที่สุดแห่งหนึ่งของโลกตั้งอยู่ริมอ่าวอาหรับเป็นที่พักของเศรษฐีชาวอาหรับ ต่อจากนั้นก็มุ่งหน้าสู่ตึกที่สูงที่สุดในโลก Buri Khalifa ที่เค้าว่าเป็นเสมือนสัญลักษณ์ความมั่งคั่งของดูไบมีความสูง 828 เมตร มี 124 ชั้น ต้องขึ้นลิฟต์ไปชมวิวที่สามารถมองเห็นวิวประเทศดูไบได้ไกลกว่า 95 กิโลเมตร ซึ่งไกด์แนะนำว่าระหว่างขึ้นลิฟต์ไปไม่ควรเงียบควรพูดคุยกัน หรือหาหมากฝรั่งมาเคี้ยวเพราะอาจจะทำให้หูเราอื้อได้สำหรับคนที่เซ็นเซอร์ทีฟก็อาจหูอื้อไปหลายวัน  ต่อจากนั้นก็ได้ไปสู่ที่เค้าว่าสวรรค์นักช็อป Madinat souk jumeirah "ลิตเติล เวนิส" ของดูไบ เป็นเหมือนตลาดนัดของชาวอาหรับและเป็นที่รวบรวมสินค้าต่างๆ ให้ท่านเลือกซื้อแบรนด์สินค้านานาชาติหรือจะซื้อข้าวของเครื่องใช้ท้องถิ่น ร้านขายของเก่า ของที่ระลึก น้ำหอมและพรมในสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์ของภูมิภาค ต้องบอกเลยว่าตนเองไม่ได้อะไรติดไม่ติดมือมาเลยสักนิด นอกจากโกโก้และโดนัทสตาร์บัค เพราะของที่นี่ค่อนข้างแพงมากและดูไม่น่าสนใจสักเท่าไหร่นัก

           จากนั้นเราก็เดินทางขึ้นรถไฟ  MONORAIL (MRT) เข้าสู่ The Palm Project สัมผัสความคลาสสิก ชมทัศนียภาพในมุมสูงบนรถไฟแบบ PANORAMA VIEW อันงดงามของ ATLANTISBEACH, AQUAVENTURE ZONE, ARABIAN SEA นับว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ 8 ของโลก ตะลุยสำรวจมาครึ่งวันก็ต้องพักทานข้าวกันหน่อย จากนั้นก็หนีอากาศร้อนไปมาสัมผัสหิมะที่ “สกีดูไบ” พร้อมช็อปปิ้งหาสินค้าของฝากเพื่อนๆ พี่ ๆ น้องที่ประเทศไทยต่อได้เลยที่ “ดูไบมอลล์” เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่รวบรวมร้านค้ามากกว่า 1,200 ร้าน และตลาดขายของในร่มที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งไกด์แนะนำว่าถ้าอยากซื้อของฝากดี ราคาไม่แพงมาก ให้ไปเดินที่คาร์ฟูร์ ภายในห้างแห่งนี้ก็จะได้พบกับของฝากเป็นที่นิยม ราคาโอเคมากมายที่นี่ อย่างเช่น  อินทผลาลัมสด แห้ง หลากหลายพันธุ์ และแบบเคลือบช็อกโกแลต, ถั่วพิสตาชิโอ, สบู่ยาร์ดเล่, ครีมทาผิวเจอร์เกน ขนมขบเคี้ยวบ้านเค้ามากมาย เป็นต้น ซึ่งตนเองก็ได้เสียแรงและเงินที่ห้างแห่งนี้ไปพอสมควร สำหรับสกุลเงินของบ้านเค้าเรียกว่าเดอร์แฮม  

           ภายหลังจากวันแรกได้เดินสำรวจเที่ยวชมดินแดนคนรวยกันไปแล้ว วันที่สอง ถือเป็นวันของการทำงานกันแล้วในการร่วมสัมมนากับทาง แอมเวย์ ถึง ความสำเร็จและแผนธุรกิจก้าวต่อไป โดย 2 ผู้บริหาร อย่าง “คุณกิจธวัช ฤทธีราวี กรรมการผู้จัดการ และ คุณรัตนา ชาญนรา ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท แอมเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ร่วมกันกล่าวให้ข้อมูลในงานครั้งนี้ว่า แผนการดำเนินงานหลังจากนี้บริษัทจะเดินด้วยกลยุทธ์ Healthy You, Baeutiful You, Perfect You จับคู่สินค้าทั้งในกลุ่มสุขภาพและความงามไว้ด้วยกัน เพื่อให้เกิดความงามองค์รวมจากภายในสู่ภายนอกสอดรับเทรนด์ตลาดโลก หลังปรับกลยุทธ์ใหม่สร้างประสบการณ์เชิงลึกด้วยสินค้าไปในช่วงที่ผ่านมาด้วย Healthy You จากกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์  ซึ่งเปิดตัวโซลูชั่นควบคุมน้ำหนัก บอดี้คีย์ บาย นิวทริไลท์ ในปีที่ผ่านมา จนมาถึงในปีนี้  มีโก๊ะตี๋ นักแสดงและพิธีกร มาเป็นตัวแทนนำเสนอ ทำให้มียอดขายในกลุ่มนี้ตั้งแต่ต้นปีถึงกันยายนแล้วราว 1,348 ล้านบาท

           โดยปีนี้แอมเวย์ต่อยอดความสำเร็จขยับไปที่ Baeutiful You คือการนำผลิตภัณฑ์อาร์ทิสทรีมาดูแลผิวพรรณด้วย 2 โซลูชั่นใหม่ที่เริ่มจากโซลูชั่นความงามสำหรับคนลดน้ำหนักช่วยให้ผิวดูยกกระชับและอาร์ทิสทรี สกิน ดีทอกซ์ ที่กลยุทธ์นี้จะเริ่มปรับใช้ในแบบเดียวกันทั่วโลก ทำให้คาดว่า ภายในสิ้นปีนี้บริษัทจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 17,200 ล้านบาท เติบโต 5% จากยอดขาย 16,550 ล้านบาท ในปี 2558 ซึ่งปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจาก 2 ธุรกิจหลักคือ กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนิวทริไลท์ 51% และเครื่องสำอางอาร์ทิสทรี 13% กลุ่มเครื่องกรงน้ำ เครื่องฟอกอากาศ 14% อื่นๆ 22% และหลังจากการปรับกลยุทธ์ในครั้งนี้คาดว่า สัดส่วนรายได้ของทั้งกลุ่มนิวทริไลท์ อาร์ทิสทรี จะยืนพื้นที่ 51% และ 13% ต่อเนื่องตามลำดับ

           หลังจากได้ร่วมรับฟังความสำเร็จและทิศทางธุรกิจที่ก้าวไปอย่างไม่หยุดยั้งของแอมเวย์ในปีนี้จนถึงปีหน้าไปแล้วเราก็ยังคงเดินทางตะลุยสำรวจสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประเทศดูไบต่อไป ซึ่งในฉบับหน้าจะมีเรื่องราวความรู้ต่างๆ มากมายจากประเทศนี้มาเล่าให้ฟังกันอีก 




บริษัท สมาร์ท โกลด์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด SMART GOLD MEDIA GROUP CO.,LTD. ติดต่อสอบถาม ID Line : @siamturakij และ ฝ่ายโฆษณา siamturakijadvertising@gmail.com
© 2013 สยามธุรกิจ